วันที่ 11 ธันวาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต )ผู้ร้อง ขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายสมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผู้ถูกร้อง ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ลต สส 338/2567 ลงวันที่ 23 ก.ย.67 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ว่าเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของนายสมชาย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบ มาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 48 (5) และขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้นายสมชายหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ 82 วรรคสอง และขอศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของสมชายว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 45 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 36 วรรคหนึ่ง
เนื่องจากศาลฯ พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ ประกอบวรรคหนึ่ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรม นูญ 2561 มาตรา 7 (5) และให้นายสมชายยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54
นอกจากนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีคำสั่งให้นายสมชายหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.67 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.67 ศาลฎีกามีคำพิพากษาตามที่ กกต.เสนอ คือให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายสมชาย เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2566 นายสมชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน กกต.จึงเห็นว่า นายสมชาย เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง สว.จึงได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ