สยามรัฐยืนหยัดอยู่บนบรรณภิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาณ “นิคฺคณฺเห นิคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*...
การเมืองไทยจับตา “สว.สายสีน้ำเงิน” ด่านสำคัญของ แคนดิเดตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศ.สิริพรรณ นกสวนสวัสดี ศาสตราจารย์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสายรัฐศาสตร์ แทน นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ...*...
และ ชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เป็นตุลาการสายราชการ แทน ปัญญา อุดชาชน ซึ่งทั้งสองท่านผ่านกระบวนการสรรหาแล้ว...*...
ขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องส่งรายชื่อไปให้วุฒิสภาตรวจสอบคุณสมบัติ โดยตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาดำเนินการภายใน 62 วัน หากไม่ทันขอขยายเวลาเพิ่มได้อีก 30 วัน เสร็จแล้วเสนอรายงานต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อขอความเห็นชอบซึ่งต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สว. 200 คน ...*...
ตรงนี้แหละประเด็นสำคัญ เพราะก็อย่างที่รู้ๆว่า สว.สายสีน้ำเงินนั้นพรึบเต็มสภาสูงกว่า 180 เสียง ชี้เป็นชี้ตายได้ หากวุฒิสภาตีตก ก็จะไม่สามารถกลับเข้ารับการสรรหาได้อีก และต้องมีการสรรหากันใหม่ ...*...
หากย้อนไป ก่อนหน้านี้ “สิริพรรณ” เคยกล่าวบนเวทีเสวนาวิชาการ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 ตอนหนึ่งคาดหวังบทบาทของ สว.ว่า สว. “ที่มาจากกติกาที่ออกแบบโดยผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นคนมาแก้รัฐธรรมนูญกันเอง มันเหมือนเป็นการตบหน้าเล็กๆ ทักทายกันว่า นี่ไงถึงคุณจะออกแบบระบบมารันทดขนาดไหน แต่ว่าเราก็เอาชนะระบบนั้นได้” ...*...
อย่างไรก็ตาม หากหันมาดูบทบาทของ สว.จะพบว่า น่าจะไม่ได้ตบหน้าผู้ร่างรัฐธรรมนูญ อย่างที่ “สิริพรรณ” คาดหวัง โดยมีจุดยืนให้ทำประชามติสองชั้น สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เชื่อกันว่าเป็น “เดดล็อก” ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ...*...
ส่วนตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของ “สิริพรรณ” นั้น สว.จะปลดล็อกไฟเขียวให้ผ่านตลอด หรือเด็ดล็อก เชื่อว่าไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้าจะรู้ผล ...*...
ที่มา:ศรพระราม (14/1/68)