สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

กรณีได้รับการพักโทษ และกลับคืนสู่บ้านจันทร์ส่องหล้าของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังการเข้าเยี่ยมของสมเด็จฮุนเซ็นจากกัมพูชา และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี …*…

และจากที่หลายๆ ฝ่ายได้ออกมาตั้งข้อสงสัยว่าการพักโทษของนายทักษิณเป็นไปโดยชอบหรือไม่นั้น นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระได้ให้แง่คิดว่าต้องตรวจสอบกันตรงที่ว่า เมื่อวันที่ 17  กุมภาพันธ์ นายทักษิณ  อยู่ในสภาพช่วยตัวเองไม่ได้ใช่หรือไม่ …*…

“ถ้าได้ความจริงว่าเดินปร๋อ ชนไวน์เลี้ยงกุ้งแม่น้ำฮุนเซ็น ช่วยตัวเองได้ทุกอย่าง  อย่างนี้คำสั่งพักโทษก็ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด  ต้องเพิกถอนคำสั่งพักโทษ เอาตัวกลับเข้าคุก และดำเนินคดีเอาโทษเจ้าหน้าที่ได้” นายแก้วสรรระบุพร้อมกับย้ำว่า คดีนี้เป็นที่คลางแคลงเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมมาก พื้นที่และหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบก็ชัดเจน และ ป.ป.ช.คือที่พึ่งเดียวเท่านั้น เพราะฝ่ายบริหารไม่รับผิดชอบตรวจสอบอะไรเลย  ตนจึงเห็นว่า ป.ป.ช.มีทั้งหน้าที่และอำนาจตรวจสอบเบื้องต้นได้แล้วว่า เรื่องนี้มีมูลความผิดปรากฏหรือไม่ …*…  

โดยนายแก้วสรรย้อนความไปถึงเวลาตามหมายแจ้งโทษจากศาลถึงเรือนจำในคดีนายทักษิณนั้นมีโทษจำ 8 ปี  แล้วมีพระบรมราชโองการอภัยโทษให้เหลือ 1 ปี นับแต่ 22 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป และใน 1 ปีนี้ 6 เดือนแรก ข่าวปรากฏว่า นายทักษิณไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะ ป่วยหนักวิกฤตถึงชีวิต และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพดูแลได้  นี่คือประเด็นแรกที่ต้องตรวจสอบว่าในช่วง 6 เดือนนี้ ป่วยหนักจริงถึงเกณฑ์ตามที่อ้างหรือไม่ หรือมีการทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบ ทั้งนั้นถ้ามีการทุจริตช่วยเหลือกันจริงๆ คนที่รู้เห็นทุกระดับต้องโดนคุกหมดในฐานทุจริตต่อหน้าที่  ส่วนนายทักษิณถ้าเป็นผู้ใช้หรือจ้างวาน ก็ผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุจริต …*…   

ขณะที่ก่อนหน้านี้นายแก้วสรรได้เคยทำจดหมายเปิดผนึกถึง ป.ป.ช.เรื่อง “ขอแจ้งเค้ามูลการพักโทษนายทักษิณโดยผิดกฎหมาย” โดยมีความว่า ด้วยได้ทราบว่าขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบว่า การพักโทษนายทักษิณชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  ซึ่งตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว  พบว่า คำสั่งพักโทษนี้มีเค้ามูลว่าไม่ถูกต้อง  จึงขอแจ้งข้อมูลมาเพื่อประกอบการตรวจสอบของท่านต่อไป ดังนี้ …*…  

ข้อกฎหมาย  ตามหลักเกณฑ์การพักโทษของกรมราชทัณฑ์  ในประกาศกรมลงวันที่ 28 ตุลาคม 2563ได้วางหลักเกณฑ์ไว้เป็นองค์ประกอบสามประการประกอบกัน คือ1)นักโทษอายุ 70 ปีขึ้นไป 2) รับโทษมาแล้วเป็นเวลา 6 เดือนหรือ 1/3ของโทษตามหมาย  แจ้งโทษ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่ว่าเงื่อนเวลาใดจะยาวกว่ากัน 3) นักโทษนั้นต้องอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย โดยองค์ประกอบข้างต้น  นักโทษสูงอายุที่ติดคุกมา 6 เดือนจะพักโทษได้หรือไม่นั้น  สภาพร่างกายต้องเสื่อมถึงขนาดด้วย  มิใช่ว่าอายุมากแล้วติดคุกมาระยะหนึ่ง ก็พักโทษได้เลย  …*…

ในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้อธิบายว่าจากข้อเท็จจริง ตามคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์เรื่องการพักโทษนายทักษิณ ระบุแต่เพียงเงื่อนไขทางอายุและเวลาที่ต้องโทษเท่านั้น มิได้ยืนยันระบุให้เห็นเลยว่านายทักษิณ มีสมรรถภาพช่วยเหลือตัวเองได้เพียงใด เมื่อไม่มีการตรวจสอบให้ปรากฏองค์ประกอบในข้อนี้ การพักโทษที่ออกคำสั่งไปจึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายอย่างปฏิเสธไม่ได้ จึงขอให้ตรวจสอบว่า คำสั่งพักโทษนี้ได้มีการประเมินสมรรถภาพของนักโทษแล้วหรือไม่ มีหลักฐานตามใบประเมินของกรมอนามัยมาแสดงโดยได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในประกาศหรือไม่ …*…

ส่วนด้านนายเศรษฐาเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเยี่ยมนายทักษิณด้วยนั้น นายแก้วสรรชี้ว่า ป.ป.ช.สามารถเรียกนายเศรษฐามาให้ปากคำได้ว่านายทักษิณอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองได้หรือไม่ เพราะตามเกณฑ์พักโทษ นักโทษต้องอยู่ในสภาพที่ดูแลตัวเองไม่ได้ หรือได้แต่น้อยมาก โดยเขาจะมีเกณฑ์ประเมินเป็นข้อๆเลย ซึ่งรัฐมนตรียุติธรรมยืนยันว่ามีการประเมินจริงๆ  และนายทักษิณไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ช่วยตัวเองได้ …*…

“นายกฯไปเยี่ยมตั้งสองชั่วโมง กินข้าวซอยด้วยกันเสียด้วย   อย่างนี้ ป.ป.ช.ก็ซัก นายกฯได้แล้ว ว่า  คุณทักษิณเดินได้เองไหม  ต้องมีคนป้อนข้าวซอยหรือเปล่า  แค่สองข้อนี้ถ้าทำได้เองทั้งหมด  คะแนนช่วยตัวเองตามแบบประเมินก็เกินเกณฑ์พักโทษแล้วล่ะครับ” มุมมองจากนายแก้วสรร …*…  

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าศึกซักฟอกรัฐบาลโดยส.ว. รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านจะมุ่งไปที่กรณีของนายทักษิณเป็นหลัก ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่อาจเคลียร์ข้อกังขาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ก็จะยิ่งต้องแบกรับแรงกดดันหนักขึ้น…*…  

และเมื่อถึงเวลานั้น หากรัฐบาลยังไม่สามารถสร้างผลงานด้านเศรษฐกิจให้เป็นที่ยอมรับ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นทั่วประเทศที่จะมีขึ้นในปีหน้า…*…

ที่มา:เจ้าพระยา (29/02/67)