คดีชั้น 14 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใกล้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ไม่ได้เป็นเพียงการปิดฉากการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมายาวนาน แต่ยังจะจุดกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ในสังคมว่า “ดีลล่ม” หรือ “ความยุติธรรมมีจริง” กันแน่?

โดยคดีชั้น 14 เป็นคำที่ใช้เรียกกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการรักษาตัวของนายทักษิณในโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 หลังกลับประเทศไทยในปี 2566 ท่ามกลางข้อครหาเกี่ยวกับการได้รับอภิสิทธิ์เกินกว่าบุคคลทั่วไป ไม่ว่าการอ้างป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคุมขัง และการเดินเรื่องขอลดหย่อนโทษอย่างเร่งด่วน

กระบวนการดังกล่าวนำไปสู่การตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา และศาลยุติธรรม

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีการพูดถึง “ดีลลับ” ที่อาจมีอยู่เบื้องหลังการกลับประเทศไทยของทักษิณ ทั้งข่าวลือเรื่องการเจรจาต่อรองเพื่อลดโทษ หรือแม้กระทั่งการออกนอกประเทศไปยังประเทศที่สามเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

แต่เมื่อศาลมีคำสั่งปฏิเสธคำร้องขอออกนอกประเทศของนายทักษิณโดยระบุว่า “ไม่มีเหตุผลอันควร” ส่งผลให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า ดีลที่อาจมีอยู่ได้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง การยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดในครั้งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า แม้แต่บุคคลที่เคยมีอำนาจสูงสุดก็ไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายได้

ความยุติธรรมมีจริง? ศรัทธาที่เริ่มคืนกลับ

ประเมินกันว่าคำพิพากษาคดีชั้น 14 จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างมาก หลังจากที่สังคมไทยเผชิญกับความคลางแคลงใจมาหลายปี

หากผลการตัดสินออกมาในเชิง “ไม่เอื้อประโยชน์” ต่อนายทักษิณ บวกรวมกับการลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่ายังมี “ความยุติธรรมที่แท้จริง” ในประเทศนี้ ไม่ว่าใครจะมีอิทธิพลหรือฐานะสูงส่งเพียงใด ก็ต้องถูกตรวจสอบและรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม

การเมืองหลังปิดคดีชั้น 14  ใครได้-ใครเสีย?

การปิดฉากคดีชั้น 14 นอกจากจะเป็นจุดเปลี่ยนด้านกฎหมายแล้ว ยังส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างกว้างขวางด้วย

พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกจับตาว่าจะได้ประโยชน์จากการ “ปลดล็อก”นายทักษิณ กลับเผชิญกับกระแสกดดันจากสังคมให้แสดงความโปร่งใสมากขึ้น

ฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกล ได้ใช้โอกาสนี้รณรงค์เรียกร้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อเนื่อง

ประชาชนทั่วไป กลับมาเรียกร้องหลักนิติธรรมและความเสมอภาคในสังคมอย่างกว้างขวาง

ภาพรวมจึงสะท้อนว่าความเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะรุนแรงขึ้นทั้งในทางการเมืองและการเรียกร้องการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจเดิม

บทเรียนจากคดีชั้น 14

คดีนี้ให้บทเรียนสำคัญหลายประการแก่สังคมไทย ไล่ต้ังแต่

1.ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรม

2..ความเท่าเทียมของทุกคนต่อกฎหมาย ต้องเป็นหลักการที่ไม่อาจละเลย

3.การเมืองไม่ควรแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หากประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

4.การรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีจริง ไม่ใช่เพียงแค่การโยนความผิดให้บุคคลลอยนวล

อนาคตของนายทักษิณ: ก้าวต่อไปยากแค่ไหน?

นอกเหนือจากคดีชั้น 14 แล้ว เส้นทางของนายทักษิณในประเทศไทยยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรค มีคดีอื่น ๆ รอการพิจารณาอยู่ และบทบาททางการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตอาจกลายเป็นเพียงอดีตที่ไม่อาจหวนคืน

คำถามสำคัญคือ นายทักษิณจะสามารถคืนสถานะทางสังคมหรือการเมืองได้อีกหรือไม่? หรือจะต้องยอมรับชะตากรรมจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองไทยที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ดีลล่ม ความยุติธรรมมีจริง

หวังกันว่าการสิ้นสุดของ คดีชั้น 14 นายทักษิณ จะสามารถเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำว่า “ความยุติธรรมมีจริง” ในประเทศไทย แม้ในอดีตอาจมีรอยแผลจากความไม่โปร่งใสอยู่บ้าง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังเรียนรู้และเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น

และเหนือสิ่งอื่นใด กรณีนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย อีกต่อไป — ไม่ว่าคุณจะเคยเป็นใครหรือมีอำนาจมากมายเพียงใดก็ตาม

 

#คดีชั้น14ทักษิณ #ดีลล่ม #ความยุติธรรมมีจริง #การเมืองไทย #ข่าวด่วน #ทักษิณ #คดีชั้น14