วันที่ 25 พ.ย.66 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า องค์กรได้ทำหนังสือคัดค้านการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกในสนามบิน 6 แห่งของ ทอท.ที่อ้างว่าเพื่อนำไปพัฒนาระบบสนามบินและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร แท้ที่จริงเป็นการบริหารสนามบินที่ผิดพลาดเพราะไปเอื้อประโยชน์ให้เอกชนจน ทอท.ต้องขาดทุนบักโกรกหรือไม่ เลยต้องผลักภาระมาให้ผู้โดยสาร ถือเป็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม เรื่องนี้อาจต้องถึงศาลปกครอง

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะปรับขึ้นค่าบริการ 30 บาท ผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges หรือ PSC) โดยจะเริ่มเก็บในวันที่ 1 เมษายน 2567 ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ จากเดิม 700 บาท ปรับเป็น 730 บาทต่อคน ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ จากเดิม 100 บาทต่อคน ปรับเป็น 130 บาทต่อคน เงินที่ปรับขึ้นดังกล่าวท่าอากาศยานไทย อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาระบบ CUPPS ให้บริการผู้โดยสาร อาทิ การบริการตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ยกระดับการให้บริการของเคาน์เตอร์เช็กอิน และบริการเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ไม่ต้องรอแถวเช็กอิน ยังสามารถเช็กอินล่วงหน้าได้ตามเงื่อนไขของสายการบิน

ข้ออ้างดังกล่าวเป็นงานปกติที่ ทอท.ได้ทำอยู่แล้ว แต่ทว่าไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะอาจมีการปกปิดบ้อมูลที่แท้จริงที่ควรบอกประชาชนให้ทราบ เพราะก่อนหน้านี้ ทอท.ไปจ้างเอกชนทำระบบ CUPPS โดยไปค้ำประกันรายได้ให้เอกชน ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ผู้โดยสารเครื่องบินจะน้อยลงหรือไม่มีเลย และที่สำคัญ ทอท.ไปทำสัญญาแบบเหมากับเอกชนดังกล่าวไม่เก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่กับเอกชนหรือเปล่า จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายพอกพูน 

นอกจากนั้น ทอท.ยังไปกู้เงินธนาคารมาประมาณ 35,000 ล้านบาทมาทำโครงการต่างๆเลยเป็นหนี้บักโกรก ไม่มีหนทางอื่นที่จะเพิ่มรายได้ จึงผลักภาระทั้งหมดมาให้ผู้โยสารทั้ง 6 สนามบินช่วยรับผิดชอบโดยประกาศขึ้นค่าบริการสนามบินหรือไม่ เช่นนี้ถือเป็นความผิดพลาดในการบริหารงานของฝ่ายบริหาร ชอบที่ รมว.คมนาคมจะต้องสั่งให้มีการตรวจสอบและทบทวนประกาศดังกล่าว และควรกลับไปรื้อสัญญาที่ให้เอกชนเอาเปรียบทั้งหมดเสีย จึงจะชอบ

"เรื่องนี้เป็นผลกระทบโดยตรงต่อผู้โดยสารเครื่องบิน เราจะปล่อยให้ ทอท.บริหารงานตามอำเภอใจมิได้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงได้ทำหนังสือส่งคัดค้านไปยัง ทอท.และ รมว.คมนาคม ให้ทบทวนประกาศดังกล่าสเสีย หากยังเพิกเฉย ไปเจอกันที่ศาลปกครอง" นายศรีสุวรรณ กล่าว