วันนี้ (28มี.ค.66) เวลา 10.00 น.ที่กระทรวงมหาดไทย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ รมว.มหาดไทย เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม ม.46 ของพรบ.การประปาส่วนภูมิภาค 2522 ในการสั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) ที่มีคำสั่งยกเลิกหนังสือบอกเลิกสัญญาผู้รับเหมาก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำและวางระบบท่อจ่ายน้ำของการประปาภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานีที่ก่อสร้างล่าช้ามากว่า 5 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าปรับตามสัญญาเป็นการปฏิบัติหน้าที่ชอบหรือไม่


         ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้จัดประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำและวางระบบท่อจ่ายน้ำการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี(ชั้นพิเศษ) อำเภอเมือง-พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีราคากลางของงานก่อสร้างในการประกวดราคาครั้งนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 708,340,000 บาท ซึ่งมีเอกชนรายหนึ่งชนะการประมูลไปในราคา 600 ล้านบาท โดยมีกำหนดระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 570 วัน ตั้งแต่ 9 มี.ค.61 ถึง 29 ก.ย.62 แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาก็ยังไม่แล้วเสร็จ จึงมีการเจรจาผ่อนปรนกันหลายครั้ง และถึงแม้จะยืดระยะเวลาให้ก็ยังไม่แล้วเสร็จอยู่ดี ทำให้รักษาการ ผู้ว่าฯ กปภ.ในขณะนั้น ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้รับจ้างเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด หากไม่แล้วเสร็จให้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญา


            แต่เมื่อ ครม.มีมติแต่งตั้งให้มีผู้ว่าฯ กปภ.คนใหม่ หลังจากนั้นปรากฏว่าเมื่อ 9 ก.ย.65 ผู้ว่าฯ กปภ.คนใหม่ได้ลงนามในหนังสือ ยกเลิกหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างฯดังกล่าวอย่างมีพิรุธ เป็นเหตุให้รัฐหรือหน่วยงานของ กปภ. และประชาชนผู้รอรับการบริการน้ำประปาเสียหาย รัฐไม่สามารถดำเนินการปรับเงินเอาเข้ารัฐหรือหลวงได้ตามสัญญา อันชี้ให้เห็นถึงการการทำที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างรายดังกล่าวหรือไม่ 


               นอกจากนั้น ยังพบว่าผู้ว่าฯ กปภ.คนใหม่ได้สั่งให้จ้างเหมาที่ปรึกษาเป็นเวลา 13 เดือนโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจเป็นการจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนมาก ที่ กค 0406.4/ว67 ลงวันที่ 14 ก.ค.2553 และหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0406.4/ว337 ลงวันที่ 17 ก.ย.2553 อันอาจขัดต่อ พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560


               การใช้อำนาจซึ่งอาจไม่เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว จะยังผลให้เกิดความเสียหายต่อการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้ ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงต้องนำความมาร้องต่อ รมว.มหาดไทยเพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม ม.46 แห่ง พรบ.การประปาส่วนภูมิภาค 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในการสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงในการใช้อำนาจของผู้ว่าฯกปภ.ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือสัญญาจ้างหรือไม่ต่อไป