รวบ อส.คาหนังคาเขา ซุกแรงงานเถื่อนเต็มคันรถ เตรียมส่งชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 21 ก.ค.68 พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.สั่งการ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล.,พ.ต.ท.วริศร  มัจฉา  สวญ.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. และ พ.ต.ท.มนัสวี  กะดะแซ  สว.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล.นำกำลังสกัดจับ นายสายชลฯ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ อส. อ.รามัน จังหวัดยะลา , นายธีระวัฒน์ฯ อายุ 36 ปี และ น.ส.ขนิษฐาฯ อายุ 39 ปี พร้อมอาวุธปืน 9 มม. (ของหลวง) และกระสุนเครื่องกระสุนปืนขำนวน 11 นัด และ แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 12 คน แบ่งหญิงจำนวน 4 ราย ผู้ชายจำนวน 8 ราย จับที่บริเวณสี่แยกไฟแดงหน้าหอนาฬิกา ถนนสายเอเชีย อ.จะนะ จ.สงขลา  

​การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังตำรวจทางหลวงสงขลาได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจาก อ.หาดใหญ่ เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเฝ้าติดตามจนพบรถกระบะต้องสงสัยคันดังกล่าวขับขี่ด้วยความเร็ว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มุ่งหน้า จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขับติดตามไปอย่างกระชั้นชิดจนถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงหน้าหอนาฬิกา ถนนสายเอเชีย อ.จะนะ จ.สงขลา  

จากการตรวจสอบภายในรถ พบนายสายชล ซึ่งเป็น อส.อำเภอรามัน จ.ยะลา เป็นคนขับ และพกอาวุธปืน 9 มม.(เป็นปืนหลวงของฝ่ายปกครอง) พร้อมกระสุน 9 มม.ในแมกกาเซียน 11 นัด และยังมีนายธีระวัฒน์ฯและน.ส.ขนิษฐาฯ นั่งโดยสารมาด้วยบริเวณเบาะหน้าข้างคนขับ ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับมีหญิงสาวแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งอีก 4 คน และที่กระบะท้ายรถมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาผู้ชายนั่งมา 8 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง รวมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 12 คน ซึ่งมีเพียง 1 รายที่มีเอกสารครบถ้วน

​นอกจากนี้ ยังพบตั๋วโดยสารรถไฟจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงชุมทางหาดใหญ่ ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 จำนวน 9 แผ่น ในตัวแรงงานต่างด้าวอีกด้วย

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสายชลฯ ให้การว่าเพื่อนโทรศัพท์มาขอให้ช่วยขับรถขนแรงงานต่างด้าวจาก 2 จุดใน อ.หาดใหญ่ คือ สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ 9 คน และหน้าวัดควนลัง 3 คน เพื่อไปส่งที่ อ.เมืองยะลา ส่วนนายธีระวัฒน์ฯ และ น.ส.ขนิษฐาฯ ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของนายธนากรฯ เจ้าของรถ คาดว่าเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานต่างด้าวและผู้ว่าจ้าง ได้รับค่าจ้างคนละ 500 บาท และเคยรับจ้างขนแรงงานต่างด้าวมาแล้ว 2 ครั้ง

​ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.จะนะ เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และเพิ่มเติมข้อหา “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” สำหรับนายสายชลฯ ส่วนแรงงานต่างด้าวถูกแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป