ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค.66 พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผบ.พล.ร.9 ในฐานะ ผบ.กกล.สุรสีห์ และ พ.อ.พงศ์พัฒน์  ห้องสินหลาก ผบ.ร.9  / ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ได้รับแจ้งจากสายข่าวความมั่นคงชายแดนตะวันตกว่า จะมีขบวนการลักลอบขนลำเลียงแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยใช้เส้นทางเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดนสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อลักลอบนำพาแรงงานโดยใช้เส้นทางถนน 323 จากชายแดนสังขละบุรี มุ่งหน้าเข้าชุมชนบ้านวังกะ เทศบาลตำบลวังกะ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อไปส่งที่ริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ บริเวณท่าเทียบเรือวังกะ หมู่บ้านมอญ หมู่ 2 ต.หนองลู 
   

 หลังรับแจ้ง พ.อ.พงศ์พัฒน์ สั่งการให้  พ.อ.สุรเดช  เมฆานุวงศ์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ฉก.ลาดหญ้า รอง ผบ.ร.29 นำกำลัง มว.ลว.ที่ 3 จต.ร่วมบ้านน้ำเกิ๊ก ต.หนองลู อ.สังขละบุรี และชุดปฏิบัติการข่าว ฉก.ลาดหญ้า สนธิกำลัง กับ ชุดปฏิบัติการข่าว กอ.รมน.จว.กาญจนบุรี นำกำลังเข้าพื้นที่ถนน 323 บริเวณสามแยกสังขละบุรี    
     

โดยเบื้องต้น ได้ประสานงานกับ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี  พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) ที่สั่งการให้ พ.ต.ต.ประหยัด ราษี สวป.สภ.สังขละบุรี ร.ต.อ.สิงห์ นารี รอง สวป.สภ.สังขละบุรี สนธิกำลังร่วมกับ ทหาร มว.ลว.ที่ 3 (จต.ร่วมน้ำเกริ๊ก) ฉก.ลาดหญ้า ร้อย.ตชด.ที่ 134(สังขละบุรี ) ตร.สภ.สังขละบุรี ตม.จว.ก.จ. และฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี ร่วมกันออกลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด
   

 ต่อมาเวลา 21.30 น. ขณะเจ้าหน้าที่ชุดการข่าว มว.ลง.ที่ 3 (น้ำเกริ๊ก) ลงพื้นที่ติดตามขบวนการขนแรงงานเถื่อน เริ่มจาก สามแยกสังขละบุรี ติดตาม รถขนแรงงานเถื่อนที่ขับรถหลบหนีการติดตามเข้าสู่ชุมชนตลาดเทศบาลตำบลวังกะไป วิ่งทะลุผ่านชุนชนถึง บริเวณ 3 แยกทางเข้าวัดวังก์วิเวการาม หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยทหารการข่าว ฉก.ลาดหญ้า (น้ำเกริ๊ก) ตรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม๊กซ์ หมายเลขทะเบียน กาญจนบุรี และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม๊กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน  กรุงเทพฯ  วิ่งตามกันมาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางวัดวังก์วิเวการาม 


  ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่สังเกตพบ รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กทม. รถต้องสงสัยที่ขับตามหลังมามีลักษณะบรรทุกของหนักและบริเวณกระบะท้ายมีผ้าใบปิดคลุมเอาไว้ เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย 
   

 ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงส่องไฟสว่างเพื่อส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าคนขับรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน กาญจนบุรี เป็นชายที่ขับนำหน้าได้จอดรถขวางเจ้าหน้าที่เอาไว้ จากนั้นรถยนต์กระบะที่ขับตามหลังมาได้เร่งเครื่องหลบหนีไปทางบ้านห้วยมาลัย หมู่ 7 ต.หนองลู อย่างรวดเร็ว ส่วนรถยนต์คันที่ขวางเจ้าหน้าที่เอาไว้ได้เร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็วและสามารถหลบหนีไปได้
 

   แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทหารการข่าว ฉก.ลาดหญ้า(น้ำเกริ๊ก)จึงประสานงานกับ พ.ต.ต.ประหยัด ราษี สวป.สภ.สังขละบุรี เพื่อร่วมติดตามสกัดจับ ได้ขับรถยนต์ติดตามคันที่หลบหนีไปทางด้านบ้านห้วยมาลัย จนกระทั่งพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งเอาไว้บริเวณริมทางใกล้กับห้วยลึก หมู่ 2 ต.หนองลู ซึ่งคนขับที่ชำนาญเส้นทางได้อาศัยความมืดหลบหนีไป  โดยทิ้งแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเอาไว้ในรถ
   

 จากการตรวจสอบภายใน รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียนกทม.  พบแรงงานชาวเมียนมานั่งเบียดเสียดกันมาเต็มคันรถบางส่วนนอนหลบซ่อนตัวอยู่ที่กระบะท้ายโดยมีผ้าใบปิดบังเอาไว้ นับรวมกันได้ จำนวน 17 คน เป็นชาย 15 คน หญิง 2 คน จากนั้นจึงควบคุมตัวเอาไว้ได้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้วว่าคนขับรถยนต์กระบะทั้ง 2 คันนั้นเป็นใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานและหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป
     

ทั้งนี้จากการสอบปากคำแรงงานทั้ง 17 คนผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาเป็นไทย ทราบว่า แรงงานทั้งหมดเดินทางมาจาก ภาคพะโค, จว.ย่างกุ้ง และ ภาคมะกวย  โดยจ่ายค่าหัวนำพาให้แก่นายหน้าชาวเมียนมา หัวละ 25,000 -30,000 บาท โดยจ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมาแล้วบางส่วน เพื่อให้นำพาลักลอบเดินเท้าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยนายหน้าชาวเมียนมานำเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติ บ้านตะเคียนทอง ส่งต่อให้ทีมของผู้นำพาในเขตไทยของ เครือข่ายดังที่มารอรับนำพาเดินเท้ามารอที่ป่าละเมาะข้างทางถนนในหมู่บ้าน จากนั้นใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์กระบะโฟร์วิลขนลำเลียงผ่านหมู่บ้านตะเคียนทองไปยังบ้านสามหลัง จะมีรถยนต์กระบะมารอรับ วิ่งออกมาตามเส้นทาง 323 ผ่านด่านตรวจราชการในพื้นที่ และวิ่งเข้าสู่ชุมชนวังกะ ข้ามสะพานปูนไปยังป่าละเมาะท่าเรือหมู่บ้านมอญ ริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ จากนั้นก็จะมีเครือข่ายขนลำเลียงทางน้ำรับขึ้นเรือวิ่งฝ่าอ่างเก็บน้ำไปสู่เทียบส่งแรงงานที่บริเวณท่าเรือแพทองผาภูมิ ริมฝั่งอ่างเก็บน้ำมีกลุ่มผู้นำพามารับเดินเท้าไปขึ้นรถกระบะวิ่งไปตามเส้นทาง 323 
   

โดย นำไปส่งที่จุดนัดพบ ศาลาที่พักรอรถโดยสาร ถนนบายพาส ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าโรงบินสัน ต.ปากแพรก อ.เมือง ส่งมอบให้กับผู้นำพาในเขตเมืองกาญจนบุรี  ที่จัดเตรียมรถกระบะ รถเก๋ง หรือรถตู้ส่วนบุคคลนำพาไปส่งตามโรงงานต่างๆในเขตปริมณฑล กำลังมุ่งหน้าไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นในของประเทศไทย แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน