2 รถกระบะ ขบวนการขนแรงงานเถื่อน  ผ่าด่านทหาร ก่อน ชุดปฎิบัติการ  ฉก.ร.25 กกล.เทพสตรี  ไล่ติดตาม    เจอสมอบกดัก   ไปไม่รอด  จับกุมตัว 2 ผู้นำพาชาวไทย  พร้อมแรงงานชาวเมียนมา  19 คน  

 วันที่  2 ต.ค. 66 เวลา 00.30 น.   พ.อ.ภูมิพัฒน์    บุญเรืองขาว  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี  ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ว่ามีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียน จำนวน 19 คน  เดินทางจากบ้านพอทรุด  อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา  ด้วยเรือหางยาว  ข้ามมาที่ฝั่งประเทศไทย บริเวณบ้านทับหลี ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ   ตอนครึ่ง  จำนวน 2 คัน  โดยมีเป้าหมาย เข้าพื้นที่จังหวัดชั้นใน  ปลายทางประเทศมาเลเซีย   จึงสั่งการให้   ทหารชุดปฎิบัติการ ฉก.ร.25 สนธิกำลังร่วม ตำรวจ สภ.ปากจั่น จัดกำลังพลซุ่มเฝ้าตรวจการกระทำผิดกฎหมายบริเวณ พื้นที่ ถนนสายรองเลียบชายแดน   บ้านหินใหญ่ ม.6 ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง

 และสามารถตรวจสอบพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้าวีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เทา  จำนวน 2 คัน เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจค้นรถทั้ง 2 คัน แต่คนขับรถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องผ่าด่านตรวจหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงขับรถยนต์ไล่ติดตามไปตามถนนทางลูกรัง

   

โดยผู้นำพาตะบึงรถหลบหนีอย่างรวดเร็ว  จนฝุ่นฟุ้งไปตลอดเส้นทาง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการวางกำลังดักไว้ที่ด้านหน้าอีกชั้นหนึ่ง   และใช้เหล็กสมอบกดักยาง  เพื่อป้องกันการหลบหนี  แม้ยางรถยนต์ของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ล้อจะแตกแบนแล้ว แต่ยังคงขับหลบหนี  ในระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร  ซึ่งเจ้าหน้าได้บีบแตรกดดันให้จอด  สุดท้าย รถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน  เมื่อขึ้นบนถนนลาดยางมะตอย รู้ตัวว่าไปไม่รอดแล้ว จึงจอดให้ทำการจับกุมโดยดี    

เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน  โดยคนขับรถคันที่ 1 ชื่อนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี  ภูมิลำเนา ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ก่อนให้นอนคว่ำหน้าบนถนนในขณะเข้าทำการตรวจค้นและจับกุม   ตรวจภายในห้องโดยสาร พบ ชาวเมียนมาจำนวน 6 คน  และนอนราบมากับท้ายรถยนต์กระบะ อีก 4 คน   เป็นชาย 5 คน หญิง 5 คน  

ส่วนคันที่ 2 คนขับชื่อนายบี (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ภูมิลำเนา ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง พร้อมชาวเมียนมาจำนวน 9 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 1 คน     รวมแรงงานต่างด้าวสัญชาติชาวเมียนมาที่จับกุมทั้งสิ้น  จำนวน 19 คน  ชาย 13  หญิง 6 และผู้นำพาชาวไทย 2 คน    

จากการสืบสวนเบื้องต้น  จากการสอบถาม แรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด  ได้เดินทางมาจากจังหวัดมันดาเลย์ ประเทศเมียนมา ด้วยเครื่องบินโดยสาร มาลงที่สนามบิน จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา  ก่อนมาพักยังบ้านนายหน้า  ในพื้นที่จังหวัดเกาะสอง   เป็นเวลา 2 วัน   ก่อนมาลงเรือหางยาว ที่บ้านพอทรุด  อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา ข้ามมาที่ฝั่งประเทศไทย บริเวณบ้านทับหลี ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.รน.  จากนั้นมีชายชาวไทยไปรอรับและพาเดินเท้ามาขึ้นรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน เพื่อจะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าเดินทางเป็นเงินคนละ 44,000 บาท

ส่วนผู้นำพา  ทั้งนายเอและนายบี  ให้การยอมรับว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าชาวเมียนมา  ให้ตนนำพาชาวเมียนมาดังกล่าว    ไปส่งยังจุดพักรถ  ในพื้นที่ จ.ชุมพร    โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 4,500 บาทต่อ 1 ราย  หรือ 85,000  บาท  โดยตนได้รับมาแล้วเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะไปรับเมื่อชาวเมียนมาถึงจุดหมายปลายทาง จากนั้นตนเองได้ขับรถบรรทุกชาวเมียนมาโดยใช้เส้นทางสายรองเลียบชายแดน บ้านหินใหญ่ ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง  เพื่อมุ่งหน้า ไปออกทาง บ้านทรายอ่อน ม.17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร   เมื่อ จนท.ไล่ติดตาม และกดดันมาอย่างกระชั้นชิด และตนเองคิดว่าไม่สามารถหลบหนี  จึงจอดรถยอมมอบตัวโดยดี

 จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมผู้ต้องหา ผู้นำพาชาวไทย 2 คน  พร้อมแรงงานต่างด้าว ชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย  19 คน  พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ 2 คัน  ส่ง สภ.ปากจั่น จ.ระนอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป