สืบ น.-สืบ บก.น.6 บุกช่วยเหลือชาวอินเดียที่ถูกแก๊งชาวอินเดียจับตัวเรียกค่าไถ่
วันที่ 8 เม.ย.68 สืบนครบาล ร่วมกับสืบสวนนครบาล 6 และสืบสวน สน. ยานนาวา นำกำลังบุกช่วยเหลือชาวอินเดียที่ถูกแก๊งชาวอินเดียจับตัวเรียกค่าไถ่ โดยจับผู้เสียหายมัดมือขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่งภายใน ซอยสันติคราม 8 สุขุมวิท 109 เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร
ตรวจภายในบ้านพบชาวอินเดียกลุ่มผู้ก่อเหตุ 6 คน และผู้เสียหาย 3 คน โดยแยกเป็น 2 คดี คือ ผู้เสียหายชาวอินเดีย 2 คน ที่ถูกล่อลวง ไปจากโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร อีกคดีเป็นผู้เสียหายชาวอินเดีย 1 คน ที่ถูกล่อลวงมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนหน้านึ้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งความจาก นาย Sanjeev Kumar อายุ 27 ปี สัญชาติ อินเดีย ว่านาย RAMESH SHARMAR และนาย AMANDEEP KAJAL ถูกคนร้ายอุ้มไปเรียกค่าไถ่คนละ 2.5 ล้านรูปี คิดเป็นเงินไทยเกือบ 1 ล้านบาท ตำรวจจึงวางแผนเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายในวันนี้ (18 เม.ย.68)
สำหรับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา นาย RAMESH และนาย AMANDEEP จะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม แต่นาย Sanjeev วีซ่าไม่ผ่าน จึงไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนได้ โดยวันดังกล่าว มีชายชาวอินเดีย 1 คน เรียกรถแท็กซี่ให้ไปรับ นาย RAMESH และนาย AMANDEEP ที่โรงแรม แต่ไม่ได้พาไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปเวียดนาม แต่กลับพาไปที่เซฟเฮาส์ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่ง ในซอยสันติคราม 8 จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ได้ติดต่อไปยังญาติของผู้เสียหายที่ประเทศอินเดีย โดยเรียกเงินค่าไถ่เพื่อแลกกับการปล่อยตัว จากนั้นญาติของผู้เสียหายก็ติดต่อมาที่นาย Sanjeev ว่าเพื่อนถูกจับเรียกค่าไถ่ จากนั้นนาย Sanjeev จึงไปแจ้งความตำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือ
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้เสียหายเล่าว่าผู้ก่อเหตุได้ข่มขู่ตัดอวัยวะ และทุบตีด้วยไม้พันเทปตามร่างกาย เพื่อติดต่อญาติให้โอนเงินค่าไถ่ให้
นายวิรัตน์ หลักชัย อายุ 53 ปี คนขับแท็กซี่ที่เคยรับผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย ไปส่งที่บ้านเซฟเฮาส์ที่กักขังผู้เสียหาย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ มีชายชาวอินเดีย 1 คน โบกรถให้ตนเองจอดรับ โดยบอกว่าให้รอสักครู่ เพราะจะมีเพื่อนลงมาแล้วเดินทางไปด้วยกัน จากนั้นก็มีชายชาวอินเดียอีกสองคนพร้อมกระเป๋าเดินทางเดินลงมาจากโรงแรม จากนั้นทั้ง 3 คน ก็ขึ้นรถของตนเอง โดยบอกให้ไปส่งภายในซอยสุขุมวิท 109 ระหว่างทางชายชาวอินเดียทั้ง 3 ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทาง ซึ่งตนเองก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย แต่ไม่ได้มีการขู่บังคับหรือใช้น้ำเสียงพูดจาที่รุนแรงต่อกันแต่อย่างใด เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ชายชาวอินทั้ง 3 คนก็เดินเข้าบ้านไป โดยไม่มีการบังคับ หรือมีพิรุธแต่อย่างใด
นอกจากนี้ตำรวจยังขยายผลไปจับกุมชายชาวอินเดียอีก 1 คน ที่อยู่ในจังหวัดชลบุรี หลังพบว่าเป็นผู้โทรศัพท์ไปข่มขู่ญาติผู้เสียหายเพื่อให้โอนเงินเรียกค่าไถ่ให้ เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมดในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันพยายามเรียกค่าไถ่