วันที่ 17 พฤศจิกายน​ 67 เมื่อเวลา​ 15.00 น. พัน​ตำรวจ​เอก​ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายอะฮ์มัด ฟะฮ์มี บิน อะห์มัดซาร์กาวี กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจำจังหวัด​นราธิวาส เพื่อเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกศาสนาอย่างถูกต้อง เสมอภาค และเท่าเทียมกัน ซึ่งสืบเนื่อง​จากกรณีที่มีสื่อสังคมออนไลน์ประเทศมาเลเซีย ได้วิพากษณ์วิจารณ์เรื่องการควบคุมตัว นางสาววันโนรซาฮีดาอัชลิน บินตี วันอิสมาอีล นักร้องดังประเทศ​มาเลเซีย ที่ถูกจับกุมพร้อมพวก และยาบ้า จำนวน  6,060เม็ด ณ ห้องพักโรงแรมเก็นติ้ง อำเภอ​สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน​ 67  ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี 

รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม​ และกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา​ ได้พูดคุยกับนักร้องดังชาวมาเลย์และผู้ต้องขังหญิงชาวมาเลเซีย รวม 7 คน ที่ถูกคุมขังด้วยคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ในแดน 8 รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังชายชาวมาเลเซีย จำนวน 27 คน ที่ถูกคุมขังคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ได้ให้ข้อมูเกี่ยวกับ​เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัด​นราธิวาสที่ได้ให้การดูแลอย่างเสมอภาค และมีการปฏิบัติถูกต้องตามหลักของศาสนา ทั้ง​เรื่อง​อาหารการกิน การประกอบพิธีละหมาด รวมทั้งเรือนนอนที่ถูกหลักอนามัย 

ทั้งนี้ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม​ กล่าวให้โอวาทกับผู้ต้องราชทัณฑ์ว่า คนที่ก้าวพลาดนั้นสิ่งที่ต้องการ คือ อยากให้ทุกคนมองเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และขอพื้นที่ในสังคม ด้วยการให้โอกาส คือ การให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราจึงพยายามให้โอกาสด้านการศึกษา ที่ถือว่าจะเปลี่ยนชีวิต สิ่งสำคัญ คือ การศึกษา ถ้าคนเราขาดโอกาสทางการศึกษา ย่อมเสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี อย่างน้อยคนที่อยู่ในเรือนจำต้องได้รับการศึกษาตามอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่เหมาะสม เพราะทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียม ที่ผมจะผลักดันให้เกิดผลสำเร็จ​เป็นรูปธรรม อย่างน้อยผู้ต้องขังทุกคนต้องจบชั้นมัธยมศึกษา​ตอนปลาย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเดินทางกลับว่า การลงพื้น​ที่​ในวันนี้สืบเนื่องจากมีผู้ต้องราชทัณฑ์ชาวมาเลเซียที่ถูกจับกุม และเนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศมาเลเซีย ซึ่งประชาชนชาวมาเลเซียมีความห่วงใยและเป็นกังวลในระบบความยุติธรรมของประเทศไทย จึงได้เชิญ​กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เข้ามาภายว่าในเรือนจำแห่งนี้ โดยเฉพาะเรือนจำจังหวัดนราธิวาสเป็นเขตที่ติดกับประเทศมาเลเซีย และมีผู้ต้องราชทัณฑ์ชายและหญิงที่เป็นชาวมาเลเซียประมาณ 31  คน และในจำนวน​นี้มีนักร้องนักดนตรีที่ชาวมาเลเซียอยู่

ซึ่งวันนี้ทางกงสุลใหญ่ประจำจังหวัดสงขลา และคณะได้เข้าไปดูยังสถานที่จริงโดยได้พบปะกับผู้ต้องขังชาวมาเลเซียทั้ง 31 คน พร้อมทั้ง​ได้เข้าไปดูในเรือนนอน ซึ่งเป็นการเปิดให้เข้าไปดูโดยไม่มีการเตรียมการมาก่อน และท่านได้ขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ให้เกียรติและดูแลผู้ต้องราชทัณฑ์อย่างมีสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นอาหารฮาลาลที่มีผู้ปรุงอาหารเป็นมุสลิม รวมถึงความเป็นอยู่ และการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ และมีความพึงพอใจมาก 

ขณะที่ นายอะฮ์มัด ฟะฮ์มี บิน อะห์มัดซาร์กาวี กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ต้องขังชาวมาเลเซียแล้วทุกคนมีความพึงพอใจในเรื่องของการดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่นอน และการดูแลด้านสุขภาพที่ทุกคนได้รับสิทธิเท่าเทียมกับผู้ต้องขังที่เป็นคนไทย โดยไม่มีการร้องเรียนปัญหาใด ๆ และทางกงสุลมาเลเซียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการดูแลผู้ต้องขังที่เป็นชาวมาเลเซีย และมีแผนที่จะเข้ามาร่วมกันละศีลอดพร้อมกันในเดือนรอมฎอนที่ใกล้จะถึงนี้ และจะนำหนังสือที่ชาวมาเลเซียมีความประสงค์​ขอไว้อ่านในช่วงระหว่างคุมขัง ณ ที่แห่งนี้มามอบให้

​พร้อมทั้งขอขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ช่วยดูแลผู้ต้องขังชาวมาเลเซียทุกคนเป็นอย่างดีทั้งที่อยู่ในเรือนจำแห่งนี้และเรือนจำอื่นอีกด้วย