จากกรณีที่มีผู้พ้นโทษจากเรือนจำกลางเขาบิน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานเรือนจำเรือนจำกลางเขาบิน จำนวน 5 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น  
 
วันที่ 13 ก.พ.68 ที่กรมราชทัณฑ์ ด้วย กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางเขาบินว่า ได้รับย้ายอดีตผู้ต้องขัง 1 ราย  ฐานความผิดเมทแอมเฟตามีน เพื่อจำหน่ายและเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืน ศาลจังหวัดสระบุรี กำหนดโทษจำคุก 2 ปี 9 เดือน 10 วัน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ต่อมาเมื่อวันที่ 7  พฤศจิกายน 2567 ได้เกิดเหตุผู้ต้องขัง 2 กลุ่ม ทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งมีอดีตผู้ต้องขังดังกล่าวรวมอยู่ในกลุ่มที่ก่อเหตุด้วย  ซึ่งเหตุการณ์วันนั้น เจ้าพนักงานเรือนจำได้เข้าทำการระงับเหตุ ตามแนวทางขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด อีกทั้ง ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ผลปรากฏว่า ไม่ได้มีผู้ใดใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังและอดีตผู้ต้องขังดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง ปัจจุบันอดีตผู้ต้องขังรายนี้ ได้รับการปล่อยตัวไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา 
 
ทั้งนี้ ขอเรียนว่า เรือนจำกลางเขาบินเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด ใช้คุมขังผู้ต้องขังที่มีคำสั่งย้ายจากกรมราชทัณฑ์ โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดย้ายผู้ต้องขังพฤติการณ์ เป็นผู้พิจารณา ซึ่งมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด เช่น มีพฤติการณ์ดื้อด้านยากต่อการปกครอง  มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เป็นต้น โดยรับย้ายผู้ต้องขังมาจากเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ อาจเกิดการกระทบกระทั่งหรือทะเลาะวิวาทกันได้  กรณีดังกล่าว เจ้าพนักงานเรือนจำได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับเรือนจำอย่างเคร่งครัด เพื่อเข้าระงับเหตุผู้ต้องขังทะเลาะวิวาท ซึ่งดำเนินการตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และมาตรฐานการปฏิบัติงาน ด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) รวมถึงยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง  ให้สอดคล้องกับมาตรฐานงานราชทัณฑ์ระดับสากล และข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังขององค์การสหประชา


ชาติ   ในการนี้ เพื่อให้ความจริงปรากฎ กรมราชทัณฑ์จะได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจของสังคมต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ต่อไป