เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 2 ต.ค. 67 ที่ห้องรับรอง ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ 

จากนั้นเวลา 12.50 น. นายสุริยะ แถลงว่า จากเหตุการดังกล่าว ได้สั่งการให้ 1. กรมการขนส่งทางบก เรียกรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดเข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน 2 ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ให้เข้ารับการตรวจสภาพเพื่อดูเรื่องการให้บริการ ซึ่งถือเป็นการสังคยานา รถโดยสารสาธารณทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย 3. ให้กรมการขนส่งทางบก บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาธิการ และสถานศึกษาทั่วประเทศในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง 

4. พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรม และทดสอบ การเผชิญเหตุการช่วยเหลือผู้โดยสารตามหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management) ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรม และ5. จะออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน โดยเมื่อผู้โดยสารขึ้นรถพนักงานต้องให้การแนะนำการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินกรณีมีเหตุ และเส้นทางการหนีภัย เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน 

นายสุริยะ กล่าวว่า จากนี้กระทรวงจะเข้าไปดูการออกแบบรถโดยสาร ว่าจำนวนที่นั่งเหมาะสมหรือไม่ มีทางออกควรเพิ่มเติมอย่างไร รวมถึงกรณีต้องเดินทางไกลควรต้องมีคนขับรถสองคนเป็นมาตรการที่กระทรวงจะทำตั้งแต่วันนี้ 

เมื่อถามว่า สำหรับอายุรถยนต์ต้องกวดขันหรือไม่เพราะคันที่เกิดเหตุพบว่ามีอายุกว่า 54 ปี นายสุริยะ กล่าวว่า “ผมถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะต้องใช้ เพราะในอดีตเวลาที่กระทรวงจะออกมาตรการบังคับ พวกผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะไม่ยินยอมและมาขอร้อง มาประท้วง แต่จากนี้ไปเราคงยอมไม่ได้ ผมจะใช้โอกาสนี้ออกมาตรการอย่างเด็ดขาดจะให้เป็นเช่นเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว และผมมองรวมไปถึงรถโดยสารสาธารณ รถตู้ทั้งหลาย ถ้าอายุเกินเราจะไม่ต่อให้เด็ดขาดไม่ว่าจะมาประท้วงหรือมาขอร้อง จะถือโอกาสครั้งนี้ไม่ยอมกันอีกแล้ว“

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแนวคิดจะให้มีการยกเลิกการใช้แก๊ซngv แต่มีเรื่องราคาพลังงานจะแก้ปัญหานี้อย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกการใช้แก๊ซ ngvแต่ขอให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อจะได้ดูว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกิดประกายไฟและระเบิดได้ง่าย เชื่อบริเวณข้อต่อที่เชื่อมกับถังแก๊ซ ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกเข้าไปตรวจสอบรถที่เกิดเหตุและรถที่ร่วมขบวนอยู่เพื่อจะได้นำมาออกแบบบังคับและประกาศเป็นกฎกระทรวงใช้ต่อไป 

เมื่อถามถึง การอนุมัติงบประมาณในการเยียวยา นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทประกันภัยที่ทางกระทรวงมีกฎหมายบังคับให้ทำประกันทุกครั้งนั้น ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 1 ล้านบาท ส่วนที่เพิ่มเติม วันนี้ได้ประชุมกองทุนช่วยเหลือสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะให้เพิ่มอีกรายละ 1 ล้านบาท รวมเป็นสองล้าน และมีจากกระทรวงยุติธรรม รวมแล้วผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะได้รับเงิน 2.4 ล้านบาท อีกทั้งได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการให้ตรวจสอบรายละเอียดเพื่อจะได้เร่งส่งมอบเงินเยียวยาซึ่งคาดว่าจะได้ภายในสัปดาห์หน้า สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 7 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยได้คนละ 2 แสนบาท

ขณะที่นายสมศักดิ์ กล่าวถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้อยู่ในห้องไอซียูที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ 1 คน ผิวหนังไหม้พุพอง 11% และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 คน มีอาการหนัก ผิวหนังไหม้พุพอง 13% 1 คน และอีก 1 คน ผิงหนังไหม้พุงพอง 20 -30% ซึ่งทั้ง 3 คน ถือเป็นผู้ป่วยอาการหนัก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับการประสานงานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนจะส่งบัวหิมะมาช่วย ซึ่งเป็นบัวหิมะที่มีการขึ้นทะเบียนภายในประเทศไทยแล้ว หากเก็บไว้นานบัวหิมะจะเสื่อมสภาพ ทางการจีนจะจัดส่งมาให้ใหม่ โดยจะมาถึงไทยวันนี้ เวลา 15.00 น. โดยตนจะไปรับด้วยตัวเอง ทั้งนี้ บัวหิมะ มีคุณสมบัติทำให้แผลพุพองน้อยลง 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการดูแลประชาชนที่เกี่ยวข้อง จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต, กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มญาติของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ, กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มของนักเรียนและบุคคลที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน และกลุ่มที่สี่คือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ ประกอบด้วย นักวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข และนักสังคมสงเคราะห์ ได้มีการพูดคุยกันเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ทั้งหมด 71 คน มาจากโรงพยาบาลตำรวจ 49 คน และจังหวัดอุทัยธานี 22 คน 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โดยจะแบ่งหน้าที่กันลงพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชนทั้ง 4 กลุ่ม และจะเดินทางพร้อมกับการเดินทางนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ซึ่งการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขก็จะทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลกระทบจากบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราต้องให้คำแนะนำปรึกษาโดยเฉพาะทีม MCATT เป็นทีมที่เยียวยาจิตใจ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทำการสั่งการก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ด้วยซ้ำ เพราะจะให้ลงพื้นที่ไปเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน 

เมื่อถามว่า ผู้ป่วยเกณฑ์สีแดงในไอซียูมีอาการอย่างไรนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่รักษาตัวที่ศูนย์สุขภาพเด็กแห่งชาติ พูดคุยได้แล้ว สื่อสารได้ แต่มีความเครียดอยู่ อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่ยังมีอาการผิวหนังพุพอง ส่วนคนที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อาการยังคงหนักเพราะผิวหนังพุพองเปอร์เซ็นต์สูง และอีกหนึ่งคนมีปัญหาที่ดวงตา ยังมองได้เบลอ ๆ ไม่ชัด เพราะได้รับผลกระทบจากควัน สารพิษ และการเผาไหม้ ยังไม่สามารถประเมินอะไรได้