วันที่ 17 ก.ย.67 นายชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิสโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่าน ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต ระบุว่า...

ถ้ำหินไม่จีซาน

ภูผาที่เจาะถ้ำหินที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ฉิน หรือราว ค.ศ.384-417 เมื่อคราวที่พุทธศาสนาจากอินเดียเข้าสู่จีนผ่านเส้นทางสายไหม โดยถ้ำหินแห่งนี้อยู่ห่างจากเส้นทางสายไหมไปทางใต้เพียงไม่ถึง 1 ไมล์ ถ้ำหินไม่จีซานตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน ในเขตไม่จี เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จัดเป็น 1 ใน 4 ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน

ชื่อ “ไม่จีซาน” มีความหมายถึง “กองรวงข้าวสาลี” ตามรูปลักษณ์ของภูเขาที่เหมือนรวงข้าวสาลีวางซ้อนกันอยู่ โดยตัวถ้ำนั้นตั้งอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 150 เมตร ม่ายจีซานถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ฉิน เมื่อค.ศ.384-417 ก่อนจะถูกขยับขยายเพิ่มเติมในช่วงหลายราชวงศ์ อาทิ ราชวงศ์โจวเหนือ (ค.ศ. 557-581) และราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - 907)

ปัจจุบันไม่จีซานประกอบด้วยถ้ำน้อยใหญ่ 221 แห่ง และได้มีการอนุรักษ์พระพุทธรูปปั้น 194 องค์ พระพุทธรูปหินสลักกว่า 7,000 องค์ และภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่กว่า 1,300 ตารางเมตร โดยถ้ำหินแกะสลักแห่งนี้โด่งดังด้านศิลปะการปั้นดินงดงามระดับโลก และมีชื่อเสียงในฐานะ “หอนิทรรศการศิลปะประติมากรรมตะวันออก”

ผลงานแกะสลักรูปปั้นพระพุทธรูปที่ถ้ำหินไม่จีซานแห่งนี้มีความสูงตั้งแต่ 20 เซนติเมตร เรื่อยไปจนถึงขนาดความสูง 15 เมตร ที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือประณีตบรรจง สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาช่างในสมัยโบราณและแรงศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาของชาวจีน โดยตลอดแนวหน้าผามีเพียงไม้กระดานแคบๆ ที่ทำเป็นทางเดินเชื่อมถ้ำต่างๆ เข้าด้วยกัน

องค์ประกอบต่างๆ ในถ้ำไม่จีซานยังถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพดีเยี่ยม เนื่องจากถูกแกะสลักบนหน้าผาสูงชันกว่า 150 เมตร ทำให้การเข้าถึงยากจึงรอดพ้นจากการถูกทำลาย และยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยถ้ำม่ายจีซานยังถูกรวมอยู่ในรายชื่อ “จุดชมวิวม่ายจีซาน” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

#เส้นทางสายแพรไหม