เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 29 ส.ค. 67 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบกำหนดการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 6 ก.ย. เวลา 10.30-13.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ อาคารสำนักงานใหญ่พรรคพลังประชารัฐ โดยมีวาระพิจารณาคือ แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม และแต่งตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งเพิ่มเติม นอกจากนี้จะมีเรื่องแจ้งเพื่อทราบอีกเล็กน้อย
เมื่อถามว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรต่อไป นายไพบูลย์ กล่าวว่า เรื่องของพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย เรื่องของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวกับนายกฯโดยตรง ในเรื่องที่นายกฯได้มีสัญญาประชาคม เสมือนหนึ่งเป็นคำมั่นกับพรรคพลังประชารัฐ แสดงออกต่อสาธารณะอย่างครบถ้วนแล้ว พรรคพลังประชารัฐได้เห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ และ น.ส.แพทองธารได้ให้คำมั่นว่า จะให้พรรคพลังประชารัฐมีที่นั่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามสัดส่วนเดิมและตำแหน่งเดิม
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่ตนกล่าวแบบนี้ เพราะหลังจากให้คำมั่น ทางพรรคพลังประชารัฐได้ให้ สส.ไปออกเสียงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทั้งหมด 39 เสียง อาจจะมีหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ติดภารกิจ มีเหตุจำเป็น ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้ทำครบแล้วตามคำมั่นที่นายกฯให้ไว้ เราก็ตอบสนองไปโหวตให้เรียบร้อย จึงเป็นเรื่องที่นายกฯต้องดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้
“ ผมอยากจะให้ความรู้ทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่า จะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใด ๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล ซึ่งนายกฯให้คำมั่นแล้ว และหลังจากนั้นนายกฯก็บอกว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล มีการโฆษณาเผยแพร่ผ่านสื่อ ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่เราไปเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เกี่ยวกับนายกฯโดยเฉพาะ ” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนที่สื่อมวลชนไปพูดว่า พรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหา ขอเรียนว่า พรรคเราสบายมาก หัวหน้าพรรคมีความสุขและมีความเข้มแข็ง แน่วแน่ที่จะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอดจนไม่ไหว ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดตามนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้พิจารณาในเรื่องนั้นเลย ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นห่วง ที่ท่านควรจะห่วง ควรจะห่วงท่านนายกฯมากกว่า เพราะการไปให้คำมั่นมาแล้ว ทำครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว ซึ่งนายกฯ เล่นไม่ปฏิบัติตามคำมั่น วิญญูชน โดยทั่วไปเขาก็จะว่าได้ว่านายกฯ อาจจะมีปัญหา จะโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อาจจะขาดความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่
“สื่อควรไปห่วงนายกฯ มากกว่า เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เป็นเรื่องสำคัญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ต้องไปดูกันว่า เจตนารมณ์เพื่อไม่ให้ผู้บริหารขาดคุณธรรม จริยธรรม เข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะเป็นคำวินิจฉัยด้วย ผมยืนยันว่ากำลังพูดตามหลักวิชาการ ไม่ได้ขู่ใคร” นายไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล แล้วไม่ปรากฏชื่อ พรรคพลังประชารัฐและแคนดิเดตรัฐมนตรีที่เสนอไป จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ในข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคผู้ใหญ่ เราไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก เราเพียงแค่บอกว่า ถึงเรื่องราวว่าเป็นเรื่องของคำมั่น ไม่ต้องมีสัญญา ไม่ต้องลงรายมือชื่อเป็นการแสดงเจตนา
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนก็ต้องถามกลับ ระดับนายกฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วางบรรทัดฐานไว้ชัดเจนเมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อมีคำมั่นแล้วไม่ปฏิบัติตามคำมั่นก็จะเป็นเรื่องครหา สังคมอาจจะติเตือน แต่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ไปหวังว่า จะต้องไปเปลี่ยนอะไร ท่านทำไปแล้ว ท่านทำไปเถอะ ทำไปให้มันจบ เพราะพรรคเรามั่นคง พร้อมทำหน้าที่ทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน การทำงานของ สส.ยังมั่นคงสถาพรตลอดไป
“แต่เป็นห่วง ผมอยากจะฝากย้ำอีกครั้ง เป็นห่วงนายกฯ เถอะครับ อย่ามาห่วงพรรคพลังประชารัฐ และย้ำอีกครั้งไปถึงพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับพรรคท่าน ไม่ต้องมามีมติเรื่องอะไรกับเรา เราเกี่ยวกับนายกฯ”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนห่วงที่สุดคือ สถานะของรัฐบาล ถ้าเริ่มต้นอย่างนี้แล้ว จะไปได้สักเท่าไหร่ ส่วนพรรคเรามีความสุขจะได้ทำงานอย่างมีอิสระ อะไรที่เป็นประโยชน์ประชาชน ประเทศชาติ จะออกเสียงแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ สส.เราจะมีความสุขอย่างยิ่ง ไม่ต้องไปมีข้อบังคับ ขีดจำกัดใดๆ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนการไปเป็นฝ่ายค้านนั้น พรรคพลังประชารัฐทำงานตามอุดมการณ์ของตัวเอง ถ้าไม่ตั้งเราก็ไปเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านเสียหายตรงไหน พรรครัฐบาลตอนนี้ก็เป็นอดีตฝ่ายค้าน ไปอยู่ร่วมกับนายกฯ ซึ่งยังไม่ทันไรก็มีปัญหาเรื่องคำมั่น ปฏิบัติไม่ได้แล้ว หากไปอยู่ด้วย พรรคเสียชื่อ ประชาชนจะมองเราในด้านไม่ดี ส่วนตัวดีใจที่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับท่าน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า คนบ้านป่าฯมีคลิปวิดีโอของคนบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันเรียกรัฐมนตรีหารือ หลังนายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายไพบูลย์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ตนไม่ทราบ และถึงตนจะทราบก็ไม่รู้จะบอกทำไม ดังนั้นตอนนี้ถือว่าไม่ทราบแล้วกัน
เมื่อถามว่า หากมีคลิปจริงจะถือเป็นหลักฐานเด็ดเรื่องครอบงำพรรคหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ ในเรื่องต่างๆ และไม่ได้มีแค่เรื่องนี้หรอก เมื่อถามอีกว่า มีหลักฐานหลายเรื่องใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ อ้างว่า ตนแค่ดูจากสื่อสารมวลชน เรื่องเยอะแยะไปหมด
เมื่อถามว่า ในการประชุมใหญ่พรรค จะมีการขับ สส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี ใครจะไปขับครอบครัวตัวเอง มันเป็นครอบครัวเราไม่มีตามที่ลือ เรามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องของครอบครัวพรรคพลังประชารัฐ คนอื่นไม่อยากให้เกี่ยว เป็นหนึ่งเดียว ทำไมคนนอกไปหวังอะไรก็ไม่รู้ หรือประสงค์ร้ายกับครอบครัวเราหรือเปล่า
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ครอบครัวจะครบ 39 คน นายไพบูลย์ กล่าวว่า “Yes หัวหน้าครอบครัวคือพล.อ.ประวิตร รักกันหมด"
เมื่อถามว่า ถ้าลูกดื้อจะทำโทษหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า รักกันหมด ไม่คิดจะตีหรือลงโทษ”
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าเป็นครอบครัว ได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัสแล้วใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนก็คุย ร.อ.ธรรมนัสก็เหมือนกัน ก็อยู่กันแบบมีความสุขอยู่แล้ว ย้ำอีกครั้งเป็นเรื่องของครอบครัวเราพรรคพลังประชารัฐ