เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 67 พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานอนุ กรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ เปิดเผยว่า หลังมาตรการยืนยันตัวตนของผู้ถือครองซิม ตั้งแต่ 6-100 หมายเลข ครบกำหนด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น จะเริ่มระงับใช้ 2,141,317 เลขหมาย ที่ไม่มาลงทะเบียน ทั้งการระงับการโทรออก การส่งข้อความ และการใช้อินเทอร์เน็ต แต่ยังคงรับสายโทรเข้าได้อีกระยะหนึ่งตามเกณฑ์ของแต่ละค่ายอยู่ที่ประมาณ 30-45 วันก่อนถูกเพิกถอนและส่งเบอร์กลับคืนให้ กสทช. อย่างไรก็ตามเชื่อว่า 2 – 3 สัปดาห์หลังการระงับจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากมายืนยันเพิ่มเติมเช่นเดียวกับกลุ่มแรก ซึ่งกลุ่ม 101 หมายเลขขึ้นไปนั้น ถูกระงับการใช้งานไป จำนวน 1,096,000 เลขหมาย
สำหรับมาตรการตรวจสอบชื่อซิม ไม่ตรงกับบัญชีโมบายแบงกิ้งนั้น กสทช. ได้รับข้อมูลของธนาคารทั้งหมด 21 แห่งผ่านทาง ปปง. แล้ว จำนวน 113,568,836 บัญชี โดยมีเลขหมายที่เข้าข่ายตรวจสอบประมาณ 79-80 ล้านเลขหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่าย ก่อนส่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย ตรวจเปรียบเทียบ ว่าเจ้าของซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ กับเจ้าของบัญชีธนาคารนั้น ๆ ซึ่งมั่นใจว่าจะเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ นอกจากนี้ กสทช.ยังได้ ร่วมกับตำรวจ กำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน ตลอดแนวชายแดน โดยระงับสัญญาณ 465 จุด, ปรับทิศทางสายอากาศ 470 จุด และรื้อถอนสายอากาศ จำนวน 179 จุด มั่นใจว่าจะสามารถสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบได้
ในส่วนภารกิจการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมแถลงผลการดำเนินงานในมาตรการต่างๆ ดังนี้ มาตรการยืนยันตนของผู้ถือครองซิม ตั้งแต่ 6 หมายเลขขึ้นไป ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 กสทช. ได้ทยอยระงับการใช้งานซิมที่ไม่มีการยืนยันตนในกำหนดเวลา มาตรการตรวจสอบซิมผีบัญชีม้า Mobile banking กสทช.ร่วมกับ ปปง. โดย กสทช. ได้รับข้อมูลของธนาคารทั้งหมดมาจาก ปปง. แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่ายมาตรการกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน กสทช. ร่วมกับ สตช. กวาดล้างจับกุม ล้มเสาเถื่อน ตลอดแนวชายแดน
ตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาต จาก กสทช. ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 มีการตรวจค้นจับกุมและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา โดยมาตรการต่างๆ ดังกล่าว จะช่วยยับยั้งการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา กสทช. ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ออกมาตรการต่างๆ รวมถึงบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในหลายประเด็น ดังนี้
การดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่อง การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 6 – 100 เลขหมาย ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 และเริ่มทยอยระงับการใช้งาน โดยจะมีการระงับการใช้ในกลุ่มนี้ จำนวน 2,141,317 เลขหมาย โดยระงับการโทรออก การส่งข้อความ และการใช้อินเทอร์เน็ต แต่ยังคงรับสายโทรเข้าได้อีกระยะหนึ่งก่อนถูกเพิกถอน และน่าเชื่อว่า 2 – 3 สัปดาห์หลังการระงับจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากหลั่งไหลมายืนยันเพิ่มเติมเช่นเดียวกับกลุ่มแรก ซึ่งกลุ่ม 101 หมายเลขขึ้นไปนั้น ถูกระงับการใช้งานไป จำนวน 1,096,000 เลขหมาย ดังนั้น ซิมที่เปิดใช้โดยไม่มีการลงทะเบียนหรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไม่ครบถ้วน และคาดว่าอยู่ในความครอบครองของแก็งคอลเซ็นเตอร์ก็จะถูกกำจัดออกไป
การตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนซิมการ์ด Mobile Banking กับบัญชีธนาคารว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ กสทช. ได้รับข้อมูลจากธนาคารทั้ง 21 แห่งผ่านทาง ปปง. แล้ว จำนวน 113,568,836 บัญชีคิดเป็น 79 ล้านเลขหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่าย ก่อนส่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย ตรวจเปรียบเทียบ ว่าเจ้าของซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ กับเจ้าของบัญชีธนาคารนั้นๆ เป็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ จากนั้น กสทช. จะรวบรวมส่งกลับให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งผ่านทางระบบของ ปปง. เพื่อดำเนินการต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในกำหนด
มาตรการกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน กสทช. ร่วมกับ สตช. กวาดล้างจับกุม ผู้ลักลอบติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน ตามแนวชายแดน เอื้อกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย จำนวน 29 ราย และตรวจสอบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และเสาสัญญาณของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ตรวจสอบทิศทางการกระจายสัญญาณบริเวณชายแดน ออกมาตรการตรวจสอบเข้มข้น โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ผลการดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.แม่สาย อ.เชียงของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ อ.เมือง จ.ระนอง มีสถานีวิทยุคมนาคมที่ให้บริการโทรคมนาคมเข้าข่ายและมีการดำเนินการแล้ว ดังนี้ ระงับสัญญาณ 465 จุด, ปรับทิศทางสายอากาศ 470 จุด และรื้อถอนสายอากาศ จำนวน 179 จุด นอกจากนี้ กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งเพิ่มเติมพื้นที่บริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยงใน อ.แม่ระมาด อ.พบพระ จ.ตาก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
แถลงผลตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาตจาก กสทช. จับกุมผู้ต้องหา และยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา กสทช. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสรรพสามิต นำหมายศาล เข้าตรวจค้นสถานที่ลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน ในเขตสวนหลวง และเขตวัฒนา ตรวจยึดของกลางได้ จำนวน 18 ประเภทรายการ มากกว่า 6,000 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางมากกว่า 12 ล้านบาท เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ในข้อหา มี ใช้ นำเข้า และค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
มาตรการกำจัดซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาสัญญาณเถื่อน และตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญ ในก่ออาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้ามาของอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียม Starlink ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคนร้ายเริ่มปรับตัว
#ซิมการ์ด #กสทช #เบอร์โทรศัพท์ #ข่าววันนี้ #ยืนยันตัวตน