วันที่ 15 ก.ค.67 เพจเฟซบุ๊ก ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า...

สนอาเต๊า

๏ ทิ้งร่องรอยราวราญลืมบ้านรัก

สนไม้หักลำโคนโดนทำร้าย

ผิดประหลาดไม่เติบกล้าฆ่าไม่ตาย

คิดใจหายสักครู่ย้อนดูควร

๏ สะท้อนคำก่นด่าปร่าปร่าเสียง

แทนสำเนียงเศร้าใจเหมือนไห้หวน

อาจเสแสร้งจริตกระบิดกระบวน

ที่แล้วล้วนตัวรอดอยู่ปลอดภัย

๏ นั่งดูสนยอดด้วนควรญพ่ายเพ

เจ้าดาวจระเข้ไม่เอาไหน

ผู้อุ้มชูไม่ขึ้นยื่นปราชัย

ต้นเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก

๏ ว่าครั้งนั้นผ่านพ้นคนหลบฝน

ระเบียงสนอิงเอนทับลงกันตัก

ชาวประชาถือไว้ใจจงรัก

ศาลตำหนักแทนใจใสศรัทธา

๏นานเนิ่นเพลินใจในเมืองหลวง

จึงไม่ห่วงไพบูลย์เปล่าสูญค่า

อยู่สนุกไม่ทุกข์ใดในพารา

แรงเหวียงจึงกลับมาว่าคนแพ้

๏ สนย่อมต้องอาจองคงค่าสน

ต่างกับคนลืมสิ้นแผ่นดินแม่

โลกธรรมเที่ยงตรงนั้นไม่ผันแปร

คนเพียงแค่มีร่างแต่ร้างใจ๚

มหา สุรารินทร์

ต้นสนอาเต๊า ระเบียงทางเซว่ยหยุนหลาง

วันเทศกาลตวนอู 10 มิถุนายน 2567 15.00น.

ต้นสนลักษณะประหลาด ลำต้นถูกตัดแหว่งมีรอยไฟไหม้ ตำนานเล่าขานว่าเมื่อจ๊กก๊กล่มสลายกองทัพวุยก๊กสะสางปัญหาภายในและจัดบ้านเมืองหลังจากเตงหงายผู้พิชิตจ๊กก๊กถูกจับข้อหาว่าส่อเจตนาขบถส่วนจงโฮยก่อรัฐประหารไม่สำเร็จแผนเกียงอุยจะกอบกู้ชาติล้มเหลวสิ้นชีวิต

อุยกวนจเรทหารฝ่ายวุยก๊กนำเชลยศึกอันมีพระเจ้าเล่าเสี่ยนและขุนนางเป็นต้นนำตัวส่งไปยังลั่วหยาง

ระหว่างทางจะสู่ด่านเจียนเหมินกวนผ่านสวนสนที่เตียวหุยน้องสามแห่งสวนดอกท้อเคยมาปลูกเกิดฝนตกขบวนจึงหยุดพักหลบฝนมีต้นสนอยู่ต้นเป็นร่มบังอย่างดีจึงนำเสด็จพระเจ้าเล่าเสี่ยนหรืออาเต๊ามาหลบพักที่ต้นสนดั่งกล่าว

ผู้คนจ๊กก๊กยังคงรักเคารพอาเต๊าอยู่แม้จะสิ้นแผ่นดินแต่อย่างน้อยเคยปกครองอยู่ยาวนานได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ที่ทรงเมตตาไพร่ประชาชนเมื่อรู้ว่าต้นสนต้นนี้เคยเป็นที่พักหลบฝนจึงดูแลตั้งศาลเพื่อรำลึกถึงฮ่องเต้พระองค์หลังแห่งจ๊กก๊ก

พระเจ้าเล่าเสี้ยนเมื่อถึงนครลกเอี่ยงหรือลั่วหยางจิ้นฮ่อง-สุมาเจียวได้พบและจัดเลี้ยงต้อนรับอยู่หลายหนจนกระทั่งในงานท่ามกลางงานเลี้ยงวันหนึ่ง ขณะชมระบำพื้นเมืองของจ๊กก๊ก (เสฉวน)ขุนนางจ๊กก๊กต่างร้องไห้คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน

ขณะนั้นอาเต๊าได้รีบยศเป็น. "อันเล่อกง"

สุมาเจียวผู้สำเร็จราชการแห่งรัฐวุยก๊กคิดลองใจถามอาเต๊าว่า “คิดถึงดินแดนเสฉวนไหม” อาเต๊าตอบว่า “ที่นี่สนุกออก ไม่คิดถึงเสฉวนเลย”คำตอบของเล่าเสี้ยนนั้นกลายมาเป็นที่มาของสำนวนจีนว่า "สุขจนลืมจ๊ก" ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีความสุขจนลืมรากเหง้าของตนเอง

ขับเจ้ง ขุนนางของจ๊กก๊กที่อยู่ที่นั่นด้วยจึงกระซิบบอกว่า "เขาถามพระองค์เพื่อลองใจ ถ้าพระองค์ตอบว่า ศพของเสด็จพ่ออยู่ที่เสฉวน คิดถึงเสฉวนทุกวัน เขาก็จะปล่อยเรากลับไปเสฉวน" สุมาเจียวได้ยินดังนั้น จึงถามย้ำอีกครั้งว่า "คิดถึงเสฉวนไหม" เล่าเสี้ยนตอบอย่างที่ขับเจ้งสอน พร้อมกับร้องไห้พร้อมกับขุนนางของตนทั้งหมด สุมาเจียวจึงถามว่า "ทำไม ท่านถึงตอบเหมือนที่ขับเจ้งบอกเลยล่ะ" เล่าเสี้ยนก็ตอบไปอย่างซื่อว่า "ใช่ ขับเจ้งบอกข้าพเจ้าเอง" สุมาเจียวและเหล่าบรรดาขุนนางฝ่ายวุยจึงหัวเราะเยาะและวางใจได้ว่า เล่าเสี้ยนจะไม่คิดทรยศแน่นอน

คนจีนมีคำนิยามอาเต๊าว่า “เจ้าดาวจระเข้ ผู้อุ้มชูไม่ขึ้น”

เพราะคำตอบแรกของอาเต๊าที่ว่า“ที่นี่สนุกออก ไม่คิดถึงเสฉวนเลย”แพร่สะพัดไปถึงจ๊กก๊กชาวเมืองที่เคยเคารพก็เป็นเดือดเป็นแค้นเสียความรู้สึกอย่างมากเมื่อรู้ว่าต้นสนแห่งนี้เคยเป็นพักระหว่างทางของอดีตฮ่องเต้บางก็เอาไฟมเผาเอาขวานมาจามเอามีดมาฟันให้หายแค้นแรงเหวียง

เล่าเสี้ยนสวรรคตใน ค.ศ. 271 ที่เมืองลั่วหยางสิ้นบุญตามอายุขัย และได้รับพระนามหลังมรณกรรมนามว่า "อันเล่อซือกง"ลูกหลานได้พื้นที่ศักดินาของพระองค์ได้ถูกครอบครองมาหลายชั่วอายุคนในยุคราชวงศ์จิ้น รัฐที่สืบทอดต่อจากรัฐวุยก๊ก ก่อนที่จะมลายหายสิ้นไปในเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงยุคห้าชนเผ่า หลิว หยวน ผู้ก่อตั้งรัฐฮั่นจ้าว หนึ่งในรัฐของสิบหกรัฐ ได้กล่าวอ้างว่า เป็นผู้สืบทอดราชวงศ์ฮั่นโดยชอบธรรม เขาได้ถวายพระนามแก่เล่าเสี้ยนว่า "จักรพรรดิเซี่ยวหวย"(孝懷皇帝; "พระจักรพรรดิผู้ทรงกตัญญูและเมตตากรุณา")

แม้อาเต๊า-เล่าเสี้ยนจะถูกมองว่าเป็นคนโง่เง่าไม่เอาไหนรักสะดวกชีวิตสบายแต่ก็มีคนมองในเชิงบวกและความเห็นอกเห็นใจรวมถึงถูกกล่าวอ้างสร้างความชอบธรรมตามธรรมดาของโลกธรรม8ประการ