วันที่ 12 ก.ค.67 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อเร่งรัดและตรวจสอบในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา( สว.) ครั้งที่ผ่านมา

โดยนายสนธิญา กล่าวว่า มาเร่งรัดกกต.ให้ตรวจสอบในประเด็นเกี่ยวกับการเลือกสว. ประกอบด้วยกรณีที่มีการฮั้วกันในช่วงที่มีการเลือก สว.ระดับอำเภอในพื้นที่ปทุมวัน ซึ่งมีผู้สมัครหลายคนเลือกเบอร์ในลักษณะเดียวคือเบอร์ 5 และ10 อีกทั้งยังมีบุคคลที่มีคะแนนเป็น 0 เป็นการเข้าข่ายการฮั้วหรือไม่

นอกจากนี้ขอให้ตรวจสอบ นางนันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มที่ 18 สื่อสารมวลชน กรณีที่ไปประชุม พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson House) เขตปทุมวัน ก่อนการเลือก สว.ระดับจังหวัด ในวันที่ 15 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมาโดยมีผู้สมัครสว.เข้าร่วมการประชุมกว่า 100 คน และมีผู้ขึ้นปราศรัย 2 คน จึงขอกกต.ตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่

นายสนธิญา กล่าวว่า อีกทั้งยังขอให้กกต.ตรวจสอบ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ระบุว่าจบมาจากต่างประเทศแต่ ระบบก.พ.ไทยไม่ได้รับรองคุณสมบัติการศึกษาตรงนี้ โดยขอให้กกต. ตรวจสอบว่า พญ.เกศกมล นำข้อมูลอันเป็นเท็จให้ส่วนราชการจดบันทึกหรือไม่ หากคุณสมบัตินั้นไม่ได้รับการรับรองจากระบบ ก.พ. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กำหนดไว้ชัดเจนว่า การกระทำประการหนึ่งประการใดเพื่อให้บุคคลที่เข้าร่วมเลือกเข้าใจผิดว่ามีคุณสมบัติทางด้านการศึกษาในระดับสูง นำไปสู่การได้มาซึ่งสว. ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรรม ถือว่ามีความผิด ในส่วนสว.รายอื่นๆที่สมัครไม่ตรงกลุ่ม ตนจะตามล้างตามเช็ดเช่นกัน

เมื่อถามว่า ได้ตรวจสอบที่มาตำแหน่งวิชาการ หรือมีหลักฐานความผิดของ พญ.เกศกมล หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนมีหลักฐานคือ ใบสว.3 โดยได้มีการระบุข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติการศึกษา ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลจริงหรือไม่จริงเข้าสู่ระบบก.พ. ซึ่ง พญ.เกศกมล จบต่างประเทศแต่ระบบ ก.พ. สามารถรับรองวุฒิการศึกษา และสามารถนำลงเป็นประวัติการศึกษาในใบสว.3 หรือไม่ จึงขอให้กกต.วินิจฉัย ในเรื่องการลงข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองหรือจูงใจให้บุคคลอื่นลงคะแนนให้เพื่อให้ได้มาซึ่งสว. โดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรรม ถ้าเป็นข้อมูลเท็จก็เข้าข่ายการหลอกหลวงให้ผู้อื่นลงคะแนนให้บุคคลนั้น ซึ่งให้ได้มาซึ่งการเป็น สว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในความผิดเกี่ยวกับผู้สมัครสว. ตามมาตรา 75 ของพ.ร.ป. ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสว. บัญญัติ​ว่า หากเอกสารหรือความผิดที่ใช้ประกอบการสมัครรับเลือกสวเป็นเท็จผู้ที่รับรองหรือลงลายมือชื่อเป็นพยานจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์ที่เลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี