ผู้สื่อข่าววันที่ 17 มิ.ย. 2567 ว่า บรรยากาศฮารีรายอฮัจยี หรืออีดิลอัฎฮา ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเป็นไปอย่างคึกคัก ภายหลังจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันที่จันทร์ที่ 17 มิ.ย. 2567 เป็นวันฮารีรายออีดิลอัฎฮา

โดยบรรยากาศตั้งแต่รุ่งเช้า พี่น้องมุสลิมต่างพาลูกๆไปสุสานที่ฝั่งบรรพบุรุษ เพื่อสวดดูอาร์ขอพรให้กับบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ จากนั้นพี่น้อมุสลิมจะเเดินทางไปมัสยิดใกล้บ้านเพื่อทำการละหมาดในวันฮารีรายออีดิลอัฎฮา ในเวลา 7.00 น. โดยพี่น้องมุสลิมแต่งชุดมาลายูอย่างสวยงาม เดินทางมาละหมาดร่วมกันทามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ก่อนรับฟังการบรรยายธรรม ซึ่งแต่ละพื้นทีจะบรรยายธรรมแตกต่างกันไปหลังเสร็จสิ้นพิธีพี่น้องมุสลิมร่วมกันสลามซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว และเพื่อนบ้าน ทุกคนต่างสวมกอด และเอาแก้มชนกัน เพื่อขออภัยสิ่งที่ล่วงเกิน โดยส่วนใหญ่พี่น้องมุสลิมทำงานต่างจังหวัด และพบปะกันปีละ 2 ครั้ง คือวันฮารีรายออีดิลพิตรี และ อีดิลอัฎฮา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในช่วงเช้า พี่น้อมุสลิมจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้านจัดงานเลี้ยงในเครือญาติ รับประทานอาหารร่วมกัน ทามกลางบรรยากาศเป็นไปที่อบอุ่น

ขณะเดียวกันในวันอีดิลอัฎฮาเป็นวันสำคัญ คือ การเชือดสัตว์พลีทาน โดยเวลา 10 .00 น พี่น้องมุสลิมทำกรุบาน ซึ่งคนกำลังทรัพย์ก็จะซื้อวัว 1 ตัว ต่อ 1 คน ส่วนคนที่มีทรัพย์น้อยก็จะเลือกซื้อเนื้อเป็นส่วน โดยวัว 1 ตัวจะมี 7 ส่วน สำหรับราคาวัว 1 ตัวปีนี้คงทีอยู่ที่ ตัวละ 35,000-37,000 บาท สำหรับวัวที่ขายเป็นส่วน ราคาอยู่ที่ 5,000 บาท ต่อ 1ส่วน แต่ปีนี้พบว่าการเชือดวัวลดลงกว่าเดิม เนื่องจากมีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ ผลพวงมาจากเศษฐกิจตกต่ำ ราคาน้ำมันแพง การขนส่งวัวมีการปรับราคาขึ้น เดิมทีน้อมมุสลิมจะซื้อวัว 1 ตัวมาเชือด แต่ปีนี้หันมาซื้อเนื้อเป็นส่วนแทน หรือหุ้นกันซื้อกับเพื่อนบ้าน  ทำให้บรรยากาศการเชือดวัวปีนี้เงียบเหงา