วันที่ 11 มิ.ย.67 นายสนธิญา สวัสดี ผู้ได้รับเลือกเป็น  สว.ในระดับอำเภอ ยื่นคำร้องต่อ  กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบการคัดเลือก  สว. ระดับอำเภอ ของเขตปทุมวัน โดยระบุว่า พบความผิดปกติของการเลือกสว.ในรอบแรก ซึ่งพบว่ามีบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งได้ส่งพนักงานจำนวน 9 คน   ลงสมัครในกลุ่มอาชีพหนึ่ง    ซึ่งในกลุ่มนี้มีผู้สมัครรวม 15 คน  เมื่อมีการลงคะแนนเพื่อเลือกผู้ได้รับเลือกขั้นต้น 5 ลำดับแรก พบความผิดปกติของการลงคะแนนว่ากลุ่มนี้มีผู้สมัครที่มีคุณวุฒิจำนวนมากหลายคนจบปริญญาโท และปริญญาเอกจากต่างประเทศ  แต่การลงคะแนนกลับลงให้กับผู้สมัครแค่หมายเลข 5 กับ 10    มีจำนวน 5 - 6 คน  และพบว่าผู้สมัครบางคนก็ไม่ได้ลงคะแนนเลือกตนเอง     ซึ่งแม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. จะบัญญัติให้ผู้สมัครไม่ต้องเลือกตนเองก็ได้  แต่ตนเชื่อว่าคนที่เสียเงินมา 2,500 บาท จะต้องลงคะแนนเลือกตัวเองอย่างน้อย 1 คะแนน   ตนไม่เชื่อว่าเจตนาแบบนี้เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์

นายสนธิญา   กล่าวว่าจึงต้องการให้กกต.ดำเนินตรวจสอบ   ว่ามีจำนวนคนที่ไม่กาให้กับตัวเองกี่คน    และจำนวนของผู้ที่กาหมายเลข 5 กับ 10 เป็นกลุ่มเดียวหรือไม่ จะเท่ากับเป็นการฮั้วการเลือก  สว.ในระดับขั้นต้น    ซึ่งถ้า กกต.ไม่มีการดำเนินการตรวจสอบก็เชื่อว่าในระดับจังหวัด และระดับประเทศ   ก็จะเกิดการฮั้วในลักษณะแบบนี้อีก   แต่ก็ยังเชื่อว่าแม้จะเกิดปัญหาลักษณะนี้กับบางกลุ่ม  ก็จะไม่ทำให้การเลือกของกลุ่มอื่นกลายเป็นโมฆะไปด้วย ผู้สมัคร  สว.ในกลุ่มอื่นของเขตนั้นก็จะไม่เกิดปัญหาอิรุงตุงนังไปอีก  จุดประสงค์เพื่อให้กกต.ไปเปิดกล่องนับคะแนน เพราะเขตปทุมวันมีผู้สมัครกว่า 50 คน   และกลุ่มที่ตนร้องก็มีผู้สมัครแค่ 15 คน

เมื่อถามว่า กกต.ระบุว่าเป็นสิทธิของผู้สมัครที่จะไม่ลงคะแนนให้กับตัวเองก็ได้ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเข้าใจ แต่การที่มีการไปลงคะแนนให้เฉพาะสองหมายเลข แสดงถึงความไม่สุจริตเที่ยงธรรม  ดังนั้นการอ้างว่าสิทธิแต่ไปทำผิดกฎหมายไปทำการฮั้ว  สิทธิเหล่านี้จึงเป็นโมฆะ   และจะต้องได้รับการตรวจสอบ   ดังนั้น   กกต.ต้องตรวจสอบว่าผู้สมัครทำงานที่ไหน แล้วการเลือกสัมพันธ์กับการที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือ 2 คน ได้คะแนนไปกอง   ซึ่งเป็นหลักที่ยืนยันว่าการที่คุณอ้างว่าสิทธิ แต่สิทธิที่คุณใช้นั้นเกิดขึ้นจากเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ในการใช้สิทธิ นำไปสู่การเลือกที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม   การใช้สิทธิดังกล่าวจึงไม่เป็นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งกรณีนี้ตนจะตามร้องไปถึงการเลือกระดับชาติ

เมื่อถามต่อว่าผู้สมัครรายดังกล่าวเข้ารอบไปเพียงแค่คนเดียว และผ่านเข้าไปแบบและผ่านเข้าไปโดยใช้วิธีการจับสลาก ซึ่งอาจจะถูกมองว่าไม่ได้มาจากการฮั้ว    นายสนธิญา กล่าวว่า ที่เขาเข้าไปด้วยวิธีการนั้นเพราะเขาฮั้วไม่ได้    แต่ในเบื้องต้นเขาได้ฮั้วไปแล้ว  และทำให้บุคคลอื่นที่เข้ามาร่วมสมัครเป็น สว.ในกลุ่มนั้นตกรอบ   มาจากการกระทำของคนที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งถ้าตนปล่อยประเด็นนี้  ก็จะทำให้เราได้สว.ที่มาจากการฮั้ว  การเลือกตั้งครั้งนี้คนที่มีความรู้ความสามารถมีประวัติการทำงานที่เชื่อได้ว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้  เข้ามาสมัคร ควรได้รับการคัดเลือกแบบแฟร์ๆ และสุจริตเที่ยงธรรม  ไม่ควรที่จะต้องเจอการจัดตั้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง    ตนจึงมาแจ้งเบาะแสให้กับ  กกต.ซึ่งอยู่ที่  กกต.จะพิจารณา