บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ควบคู่ไปกับตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการดูแลระบบนิเวศ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ คืนสมดุลสู่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทางความมั่นคงทางอาหาร สู่เป้าหมายเป็นครัวของโลก ที่ดูแลสุขภาพผู้บริโภคและรักษ์โลกไปด้วยกัน
        
องค์การสหประชาชาติ(UN)กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)ซึ่งในปีนี้ ใช้แนวคิด“Our land Our future We are #Generation Restoration” และในเดือนเดียวกันนี้ UN ยังได้กำหนดให้วันที่ 7 มิถุนายน เป็นวันความปลอดภัยอาหารโลก (World Food Safety Day)ด้วย 

นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคและสนับสนุนการเข้าถึงอาหารอย่างพอเพียงในทุกๆสถานการณ์ พร้อมกันนี้ บริษัทฯตระหนักและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรับผิดชอบ รู้คุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งมั่นมีส่วนร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ   

ด้วยวิสัยทัศน์“ครัวของโลก”ของซีพีเอฟ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงความปลอดภัยของอาหาร ด้วยการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตลอดจนหาแนวทางและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสุขภาพอนามัยและการผลิตอาหารที่ดี เพื่อยกระดับความปลอดภัยของอาหาร 

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟมีเป้าหมายของการดูแลสุขภาพผู้บริโภคและรักษ์โลกไปด้วยกัน โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ และการผลิตอาหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ลดการสูญเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ  นวัตกรรมอาหารสัตว์รักษ์โลก ที่สามารถลดปริมาณไนโตรเจนส่วนเกินในสิ่งที่ขับถ่าย  การเลี้ยงสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) การจัดการของเสียในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ทั่วประเทศด้วยระบบไบโอแก๊ส(Biogas)เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมความพร้อมด้านน้ำเพื่อรับมือวิกฤติภัยแล้ง นอกเหนือจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภายใต้หลัก 3Rs คือ ลดการใช้น้ำ (Reduce) นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำโดยไม่ผ่านการบำบัด (Reuse) นำน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)แล้ว ยังได้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ชุมชน อนุรักษ์และดูแลแหล่งน้ำ อาทิ  โครงการรักษ์ลำน้ำมูลที่ดำเนินการมามากกว่า 15 ปี เพื่อดูแลลุ่มน้ำหลักที่ไหลผ่านจังหวัดในภาคอีสาน สำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นมีส่วนร่วมแก้ปัญหาฝุ่นมลพิษ PM2.5  ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน สนับสนุนเป้าหมายปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นของกรุงเทพมหานคร ฯลฯ
  
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืนในการดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ปลูกฝังความตระหนักให้กับพนักงานทุกสายธุรกิจรวมพลังและลงมือทำ ขยายเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐ  ภาคประชาสังคม  และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งมอบความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ น้ำ  ดิน  และอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับคนรุ่นต่อๆไป  สำคัญที่สุด คือ สร้างการรับรู้ให้เด็กและเยาวชนเป็นแนวร่วมรักษ์โลก  ผ่านการดำเนินโครงการ "ซีพีเอฟ ปันรู้  ปลูกรักษ์"เพราะเราตระหนักอยู่เสมอว่าการดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ได้หยุดอยู่แค่คนรุ่นเรา แต่เป็นการส่งต่อความรับผิดชอบจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า