วันที่ 14 พ.ค. 67 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ภายหลังการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง พร้อมให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า บุ้ง เสียชีวิตจริงเมื่อเวลา 11.22 น. สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากหัวใจล้มเหลวส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต้องรอแพทย์ผ่าชันสูตรพลิกศพอีกครั้งพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ว่าเสียชีวิตโดยธรรมชาติหรือจากการถูกคุมขัง ซึ่งจะทําให้ร่างของบุ้งจะคงอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อรอดําเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ส่วนตัวทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าบุ้งเป็นลมหมดสติและหัวใจหยุดเต้น ซึ่งทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีการปั้มหัวใจเพื่อช่วยเหลือก่อนส่งต่อมายังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและมีการปั้มหัวใจต่อแต่ไม่เป็นผลจนกระทั่งเสียชีวิต โดยครั้งล่าสุดที่มีการเข้าไปเยี่ยม ซึ่งตนไม่ได้ไปเยี่ยมด้วยตัวเอง เป็นทางทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าไปเยี่ยมทุกวัน พบว่าบุ้งมีอาการบวมและอ่อนเพลียและบอกว่าป่วยเท่านั้น โดยแพทย์ระบุว่าเกิดจากการอดอาหารและกําลังฟื้นร่างกาย เนื่องจากครอบครัวขอให้ทานอาหาร แต่ทานไม่ได้เพราะอดมานาน 30-40 วัน จึงให้เป็นสารโพแทสเซียมและแคลเซียมหรือนํ้า ส่วนครอบครัวจะติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่เจอครอบครัวของบุ้ง
โดยทนายกฤษฎางค์ เปิดเผยด้วยว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ติดตามมาหา เนื่องจากกังวลใจเรื่องความโปร่งใสและอยากให้ผ่าชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติไม่ต้องเอาตัวไปที่นิติเวชโรงพยาบาลตํารวจ ส่วนเรื่องของพินัยกรรมของบุ้ง ก็ต้องว่าไปตามข้อกฎหมาย
นอกจากนี้ทนายกฤษฎางค์ ยังกล่าวถึงกรมราชทัณฑ์ด้วยว่า ที่ผ่านมามีการส่งหนังสือขอให้นําตัวบุ้งออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลข้างนอก แต่ทางกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอในการดูแล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการเสียชีวิตของบุ้งในครั้งนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับการยื่นคําร้องต่างๆให้กับนักโทษคดีการเมืองหรือไม่ ทนายกฤษฎางค์ ระบุว่า ต้องให้ผู้ต้องหาคดีอาญาทางการเมืองตัดสินใจ เพราะแค่นี้ตนก็ถูกสังคมต่อว่าเรื่องยุให้เด็กอดอาหารเพื่อประกันตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐจะให้ความเมตตา เพราะในคดีอาญาผู้ต้องหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เหตุใดคดีนี้จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว