กสทช.-สกมช. รุกขจัดภัยไซเบอร์  จับมือ MOU ใช้  “ศูนย์ยูโซ่ เน็ต”  2,184 แห่งทั่วประเทศ  สร้างความรู้ให้ประชาชนรับมือภัยไซเบอร์ เน้นกลุ่มเปราะบาง ชาวบ้านพื้นที่ห่างไกล-พื้นที่ชายขอบ หวังเสริมเกราะป้องกันไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย 

วันที่ 22 เม.ย.67 ที่สำนักงาน กสทช. ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักชีพยานในพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ และให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไชเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) 

นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)  กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. มีความตั้งใจที่จะผลักดันบริการโทรคมนาคมให้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกพื้นของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพการแข่งขันเชิงพาณิชย์ต่ำ หรือพื้นที่ชายขอบและพื้นที่ห่างไกล เพื่อเป็นการลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมให้กับประชาชนทุกคน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และใช้เทคโนโลยีดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเท่าทันภัยจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาคนพิการ  ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ให้มีความรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ด้าน ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว  ถึงแม้เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน  และมีบทบาทสำคัญในการทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ความท้าทายที่ตามมาอย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้ คือ ภัยคุกคามทางไซเบอร์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. กับ สกมช. ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อเป็นการยกระดับทักษะการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ประชาชนคนไทยมีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ขณะที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.  กล่าวว่า โครงการที่สำนักงาน กสทช. และ สกมช. จะดำเนินการร่วมกันในปีนี้ คือ การจัดกิจกรรม “รู้เท่า รู้ทัน รู้ป้องกันภัยไซเบอร์” ภายใต้โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ  28 กรกฎาคม 2567 โดยใช้ศูนย์อินเทอร์เน็ตสาธารณะ (USO Net) จำนวน 2,184 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมให้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เข้าใจง่าย เน้นการเรียนรู้ในรูปแบบทฤษฎีและปฏิบัติให้ผู้ใช้งานค้นหาช่องโหว่ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากที่สุด กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ จำนวน 8 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้ความรู้ประชาชน และเด็กนักเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงศูนย์

"การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน กสทช. และ สกมช. ในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการ ร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างจริงจัง และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้เปราะบางและประชาชนในพื้นที่ชายขอบและพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงาน กสทช. ตระหนักและให้ความสำคัญ ผมหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความรู้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเพื่อสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน" นายไตรรัตน์ กล่าว

พล.อ.ต. อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กล่าวว่า  ที่ผ่านมา สกมช. ได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. เพื่อดำเนการแก้ไขปัญหาการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพทางออนไลน์ ซึ่งทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายแก่ประชาชน  รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่ถูกแอบอ้าง สกมช.ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว โดยมุ่งสร้างความตระหนักรู้และเสริมสร้างทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้เข้าถึงประชาชนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดโครงการหรือการจัดอบรมต่างๆ ตั้งแต่ระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง และสำหรับโครงการอบรม "รู้เท่า  รู้ทัน รู้ป้องกันภัยไชเบอร์" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่จะดำเนินการในปีนี้ ผ่านศูนย์ USO Net ทั้ง 8 จังหวัด ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำแพลตฟอร์ม NCSA MOOC ขยายสู่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนาทักษะด้านไซเบอร์ให้กับคนไทย ให้มีองค์ความรู้ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์  พร้อมหวังว่าความร่วมมือกันของทั้ง 2 หน่วยงาน จะนำพาไปสู่การเดินหน้ายกระดับการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อยับยั้งความเสียหายได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเป็นเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร ที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ร่วมกัน เพื่อเป้าหมายสำคัญคือการเสริมภูมิคุ้มกันคนไทยทั่วทุกภูมิภาคให้ได้ใช้ชีวิตในโลกไซเบอร์อย่างมีความสุขและปลอดภัย