รมว.กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ รรท.ผบ.ตร.แถลงผลปฏิบัติการ Cyber Strike จับกุมกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีถึง 2 คดี รวมมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
วันที่ 10 เม.ย.67 ที่กองบัญชาการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี นายประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒนครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ Cyber Strike การจับกุมกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีถึง 2 คดี รวมมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท พร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้ใน 2 คดี ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เงินสด นาฬิกาหรู ซิมโทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคาร รถยนต์ และรถจักรยานยนต์
โดยคดีแรก เป็นการกวาดล้างจับกุมบริษัทบัญชีม้าที่สร้างความเสียหายกว่าพันล้านบาท โดยแผนประทุษกรรมคือ จากเดิมที่คนร้ายจะใช้บัญชีส่วนบุคคลในการหลอกลวงเหยื่อ แต่หลังจากที่มีการรณรงค์มากขึ้นให้ประชาชนตื่นตัวและระมัดระวังการโอนเงิน คนร้ายจึงหันมาใช้บัญชีธนาคารในชื่อนิติบุคคล ทั้งในนามของบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งจะทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเกิดความไว้ใจว่า ไม่ใช่บัญชีของกลุ่มมิจฉาชีพ นอกจากนี้คนร้ายยังใช้ช่องโหว่ในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่สามารถทำได้ง่าย การเปิดบัญชีนิติบุคคลที่ทำได้ไม่ยาก สามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงินและไม่จำกัดจำนวน จึงทำให้คนร้ายสามารถโอนเงินต่อไปยังบัญชีม้าแถวถัดไปได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ไม่สามารถอายัดเงินบัญชีได้ทัน และไม่ต้องสแกนหน้าเหมือนบัญชีบุคคลธรรมดาด้วย
โดยจากยอดที่ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 153 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านกว่าบาทและคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายที่ยังไม่เข้าแจ้งความอีกจำนวนมาก เชื่อว่าความเสียหายน่าจะทะลุถึงพันล้านกว่าบาท
โดยจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ พบว่ามีมากถึง 43 บริษัทที่พบข้อพิรุธในเรื่องของการไม่มีรายได้และที่ทำการนิติบุคคลก็เป็นที่ร้าง เพิ่งจดทะเบียนได้ไม่นานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 จึงเชื่อว่า บริษัทเหล่านี้ถูกนำมาใช้เปิดบัญชีนิติบุคคล เพื่อเป็นบัญชีม้า จึงนำมาสู่การรวบรวมพยานฐานและออกหมายจับผู้กระทำความผิดได้ 19 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น // และร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นที่ทำการนิติบุคคลจำนวน 43 จุดทั่วประเทศ
โดนผลจากการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย เป็นกรรมการและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล อีกทั้งพบว่า ทุกสถานที่ทำการนิติบุคคลที่เข้าตรวจค้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นบ้านร้างไม่มีบุคคลอาศัย ไปจนถึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า จึงได้ดำเนินการประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการเพิกถอนนิติบุคคลที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วย
ส่วนคดีที่ 2 เป็นการทลายเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย "หวยแลนด์" จำนวน 9 เว็บไซต์ มีตั้งแต่การออกหวย 24 ชั่วโมง // หวยหุ้นไทยและต่างประเทศ // และหวยลาวหวยฮานอย ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีผู้กระทำความผิดจำนวน 29 ราย แบ่งเป็นเจ้าของเป็นพนัน 1 ราย // ผู้จัดการ 3 ราย // โปรแกรมเมอร์ 1 ราย // กลุ่มผู้ดูแลการเงิน 4 ราย // เจ้ามือหวย 4 ราย // กลุ่มพนักงาน 6 ราย // และบัญชีมาอีก 11 ราย มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 59,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
ทางตำรวจไซเบอร์จึงขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 29 ราย ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่รับอนุญาต สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำการฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน รวมทั้งขออำนาจศาลออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นที่พำนักของผู้ต้องหาจำนวน 17 จุด ประกอบด้วย พื้นที่กรุงเทพมหานคร 13 จุด จ.ชุมพร 3 จุด และ จ.กาญจนบุรี 1 จุด
ซึ่งผลจากการเข้าตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 17 ราย ประกอบไปด้วย เจ้าของเว็บพนัน // ผู้จัดการ // โปรแกรมเมอร์ // กลุ่มผู้ดูแลการเงินเจ้ามือหวย // พนักงาน // และบัญชีม้า พร้อมกันนี้ ยังสามารถตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดกว่า 47 ล้านบาทและอายัดเงินในบัญชีธนาคารได้ 20 ล้านบาท // พร้อมทั้งนาฬิกาหรู 6 เรือน // โฉนดที่ดิน 26 ชุด // รถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 11 คัน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมุดบัญชีธนาคารและบัตรกดเงินอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท
นายประเสริฐระบุว่า ผลงานการจับกุมทั้ง 2 คดีนี้นั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปราบปรามการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เพราะสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เน้นย้ำให้จับกุมผู้กระทำความผิดทั้งขบวนการ ไม่ใช่เพียงแค่จับกุมเจ้าของเว็บหรือบัญชีม้า แต่ต้องดำเนินคดีทั้งเครือข่ายทั้งหมด ไม่ว่าใครก็ตาม ซึ่งในส่วนเว็บพนันออนไลน์หรือช่องทางแพลตฟอร์มที่ใช้การทำความผิดนั้น ทางกระทรวงจะเร่งปิดให้มากที่สุด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปิดเว็บพนันไปมากถึง 7,612 URL
ส่วนในเรื่องของการใช้นิติบุคคลทำเป็นบัญชีม้านั้น ถือว่าเป็นช่องโหว่ที่คนร้ายนำเงื่อนไขมาใช้เพื่อการทำความผิด เรื่องนี้ได้มีการหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์แล้ว โดยเตรียมจะหามาตรการในการป้องกันไม่ให้มีการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อนำไปใช้ประกอบการกระทำความผิด อีกทั้งเตรียมจะพูดคุยหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารภายในสัปดาห์หน้า เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบเปิดบัญชีนิติบุคคลไปใช้เป็นบัญชีม้าอีกด้วย
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่าถือเป็นความสำเร็จของตำรวจไซเบอร์ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วในการกวาดล้างจับกุมขบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นไปตามที่ทางนายกรัฐมนตรีและตนเองได้มอบนโยบายกำชับว่า การจับกุมขบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนั้น ต้องกวาดล้างจับกุมได้ทั้งโครงสร้างและต้องทำงานอย่างรวดเร็ว เชื่อมั่นว่าตำรวจไซเบอร์จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ในทุกคดี