สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ...*...
กระแสแรงขึ้นเรื่อยๆ กับข่าวเตรียมจะกลับบ้านของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังหลบหนีคดีจำนำข้าวที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 5 ปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ...*...
หลังจากเมื่อปลายปีก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ในคดีสั่งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. (ขณะนั้น) มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโดยมิชอบเมื่อ 12 ปีที่แล้ว และให้ถอนหมายจับคดีนี้ ...*...
ตามมาด้วย 5 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์และพวกรวม 6 คน คดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย ระบุไม่พบเจตนาเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชน พร้อมสั่งถอนหมายจับ นางสาวยิ่งลักษณ์ในคดีนี้เช่นกัน ...*...
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดงที่ผันตัวเองมาเป็นนักวิเคราะห์การเมืองตั้งข้อสังเกตถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์โดยเทียบเคียงกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า นายทักษิณ เลือกกลับไทยในช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และยังเป็นผู้ทำรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย แล้วยังเสนอขอพระราชทานอภัยลดโทษเหลือหนึ่งปี ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติ และคาดกันว่า เป็นดีลที่ทำกันไว้ ดังนั้น เมื่อรูปแบบกลับบ้านของนายทักษิณ ไม่ดำเนินไปในช่วงนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แล้ว การกลับบ้านของนางสาวยิ่งลักษณ์ ย่อมไม่กลับในวันที่นายเศรษฐาเป็นนายกฯ เช่นกัน เพราะรูปแบบจะออกมาตามดีล หากผิดดีลแล้วหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ รพ.ตำรวจ คงปลิวว่อนออกมาประจานสาธารณะเป็นแน่ ...*...
อีกด้านหนึ่งมีแง่คิดจากนายเทพไทย เสนพงษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ว่านางสาวยิ่งลักษณ์น่าจะกลับมาหลังจากนายทักษิณพ้นโทษแล้ว คือหลังวันที่ 22 ส.ค. 2567 เพราะจะทำให้นายทักษิณมีความคล่องตัว และสะดวกในการประสานงาน สั่งการ และเรียกบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาพบ เพื่อจัดทำกฎระเบียบรองรับนางสาวยิ่งลักษณ์ จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชนและสังคมที่กำลังจับตาอย่างไม่กะพริบ อย่างไรก็ตาม เมื่อดูบริบททั้งหมดแล้ว ฟันธงได้เลยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทย หลังวันที่ 22 ส.ค. 2567 ทิ้งช่วงไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป และจะไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว แต่จะใช้แนวทางไหนอย่างไร ต้องจับตาดูกันต่อไป ...*...
กระนั้นทางฟากของวุฒิสมาชิกโดยนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เตือนว่า หากนางสาวยิ่งลักษณ์กลับมาจริง โดยใช้โมเดลเดียวกับนายทักษิณ เกรงว่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ประชาชนสิ้นสุดความอดทน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะกลับมาเหมือนนายทักษิณ เพราะกรณีนายทักษิณยังพอกล้อมแกล้ม หรือเอาสีข้างเข้าถูไปได้ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ยังมองไม่เห็นว่าเข้ามาแล้วไม่ติดคุก จะเอาเหตุผลใดมาอ้าง ยังมองไม่ออก ...*...
อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคเพื่อไทยเองนั้น มีข้อมูลว่านางสาวยิ่งลักษณ์เองก็ประสงค์อยากจะกลับบ้านโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเคยวาดหวังไว้ก่อนช่วงสงกรานต์ปีนี้ แต่เนื่องจากในทางปฏิบัติแล้ว ยังติดขัดเงื่อนไขต่างจากกรณีนายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุ สุขภาพ ที่ไม่อาจนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียวเฉกเช่นนายทักษิณ ...*...
ทั้งนี้มี 2 วิธีการเท่าที่มองเห็นอยู่ในปัจจุบันที่จะช่วยให้นางสาวยิ่งลักษณ์กลับบ้านโดยไม่ต้องแวะเข้าคุกก่อน คือการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือหาช่องทางทางกฎหมายในการพลิกคดีจำนำข้าวช่วยให้นางสาวยิ่งลักษณ์พ้นผิด ...*...
หากสถานการณ์การเมืองยังไม่เอื้อต่อ 2 วิธีการนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ก็น่าจะเลือกหนทางที่เสี่ยงน้อยที่สุด คือใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศจนกว่าคดีจะหมดอายุความ ซึ่งจะเหลืออีกแค่ไม่กี่ปี ...*...
นี่คือจังหวะก้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่แน่นอนว่าต้องผ่านการออกแบบหรือความเห็นชอบจากนายทักษิณที่มีความห่วงใย และเอื้ออาทรต่อน้องสาวคนนี้เป็นที่สุด ...*...
ที่มา:เจ้าพระยา (14/3/67)