“เศรษฐา” ชี้ปม “ทักษิณ” ต่างคนต่างความคิด ยันเข้าสู่กระบวนการตามกม. ขอเดินไปข้างหน้า เลิกขัดแย้ง เมินถูกมองเป็นดาวไร้แสง ลั่น ไม่สะทกสะท้านคำพูดที่จับต้องไม่ได้ ขอเดินหน้าทำงานให้ประชาชน ยัน ยังไม่ปรับ ครม.
วันที่ 19 ก.พ.67 เมื่อเวลา 13.55 น. ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากุมภวาปี ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เสียงสะท้อนการพักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการใช้กฎหมายโดยมีการใช้คำพูดลักษณะการใช้หลักนิติรัฐ 2 มาตรฐานแบบอภิสิทธิ์ชน ว่า ก็มีการเรียกร้องกันตอนที่นายทักษิณถูกพิจารณาพิพากษา ซึ่งหลายฝ่ายก็ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา ขณะที่หลายฝ่ายก็เห็นด้วย แต่หากย้อนหลังไป 10 กว่าปีที่แล้ว มาถึงวันนี้ก็เรียกร้องให้ นายทักษิณกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายทักษิณก็ได้กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมหรือเปล่า นายทักษิณก็กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม นายทักษิณ กลับเข้ามาแล้ว กรมราชทัณฑ์เองก็มีการตรวจสอบ โรงพยาบาล ตำรวจเองก็มีการตรวจสอบ คณะกรรมาธิการ ของรัฐสภาก็เข้าไปตรวจสอบกระทรวงยุติธรรม ก็มีมาตรฐานในการตรวจสอบอยู่แล้วใช่ไหม ตอนที่นายทักษิณถูกพิพากษาไป เราก็เชื่อในระบบอยู่แล้ว วันนี้นายทักษิณเข้าสู่กระบวนการในการที่จะรับโทษและได้รับการยกเว้นเพราะเหตุผล 1 2 3 4 5 ซึ่งก็เป็นกฎหมายที่เขียนว่าอยู่แล้ววันนี้เราจะต้องมาพูดกันเรื่องนี้ทุกวันหรือเปล่า ตนก็ไม่ทราบ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ว่ารัฐบาลจะอธิบายอย่างไรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมาอธิบายอย่างไร สังคมก็ยังเข้าใจและเชื่อ และมองว่าเป็น สองมาตรฐานอยู่ดี ในกรณีของนายทักษิณ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต่างคนก็มีความเห็นต่างด้วยกัน ทั้งนั้น เราอยู่ในสังคมที่มีความเห็นต่าง และหลายๆเรื่องก็มีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำอยู่ และหลายๆเรื่องก็เห็นด้วย แต่จริงๆแล้วเราอยู่ร่วมกันมากกว่า เราอยู่ร่วมกันด้วยอะไร ด้วยกฎหมาย และวันนี้เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญทางกระบวนการที่นายทักษิณถูกพักโทษ เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ตนว่าเราเดินหน้าไปข้างหน้าดีกว่า วันนี้บ้านเมืองต้องการ การทำอะไรอีกหลายๆอย่างจากรัฐบาล หรือจากทุกๆภาคส่วนอย่างที่ตนเรียนเรื่องความขัดแย้งก็ต้องบริหารกันไป แต่ต้องตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของความสงบเรามีพื้นที่อยู่แล้ว เรามีทางสภาอยู่แล้ว เรา มีสส.และนักวิชาการอยู่แล้ว เรามีเวทีที่สามารถพูดคุยกันให้ใช้เวทีที่ปลอดภัยดีกว่า
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้เราดูเรื่องปัญหาหนี้สินดีกว่า และปัญหาเรื่องยาเสพติดดีกว่า ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่กับตนมาเป็นวันที่ 3 แล้ว ก็เห็นว่าปัญหามันเยอะเหลือเกิน ถ้าตนอยู่ได้อีก ตนก็จะอยู่ต่อ ดูทุกเรื่องดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของทุกๆภาคส่วนทุ่มเทเต็มที่ รัฐบาลนี้ขอให้เราอยู่ด้วยกันด้วยกฎหมาย วันนี้กฎหมายบอกมาว่าเป็นอย่างไรเราก็ทำตามอยู่แล้ว ก็ขอให้ก้าวข้ามไปแล้วเดินหน้าไปดีกว่า
เมื่อถามว่าก็มีเสียงของสว.ออกมาบอกว่าการพักโทษของนายทักษิณ ส่งผลให้นายกฯเป็นดาวที่ไร้แสง นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ก็จะคิดอะไรก็คิดกันไป ตนว่าพรุ่งนี้เช้า 7 โมงเช้าตนก็ตื่นเช้าไปทำงานและประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิตย์หน้าตนก็ลงภาคใต้ อาทิตย์ต่อมาตนก็ไปต่างประเทศ ไปเจรจาเรื่องเขตการค้าเสรี (FTA) ไปหานักลงทุนใหม่มา จะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ตนสะทกสะท้านได้หรอก ตนก็ทำงานของตนต่อไปและยึดมั่นในผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคนให้ดีขึ้น จะมาว่าอย่างไรก็ว่าไป ไม่เป็นไรก็รับฟัง
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรหลังจากที่นายทักษิณได้ออกมาพักโทษ ก็มีข่าวว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มร้อนขึ้น รวมไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ที่ร้อนขึ้นๆมันก็ร้อนทุกวัน ทุกเรื่องก็ร้อนหมด อย่างที่บอกพื้นฐานทุกวันนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ การใช้งบประมาณก็ยังใช้ไม่ได้ หากเรามีเงินในกระเป๋าให้ทุกคนอยู่ดีกินดีมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐาน จากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาสาธารณสุขที่ดี เราก็คงดีขึ้น แต่วันนี้เรื่องของภาวะที่ร้อนแรงขึ้นทุกวัน และถ้าอยากจะหลีกเลี่ยงคำที่ว่าจะเป็นนายกฯ 2 คน 3 คน ดาวไม่มีแสงหรืออะไรสักอย่าง มันก็เป็นเรื่องเดียวกับเมื่อกี้นี้ ซึ่งตนก็ตอบว่าพรุ่งนี้ก็ตื่นเช้า 07.00 น. ไปทำงาน ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน และอาทิตย์หน้าก็ลงพื้นที่อีก ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นการบั่นทอนหรืออะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกด้อยค่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าใครติมาแล้วตนเชื่อว่าเป็นอะไรที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ตนจะพยายามทำ แต่ถ้าจะให้ตนเองรู้สึกด้อยค่า เพราะคำพูดที่จับต้องไม่ได้ตนไม่เสียอารมณ์ตรงนั้นดีกว่า หากมาดูแววตาพี่น้องประชาชนที่จังหวัดสกลนคร อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู มันเป็นแรงกระตุ้น มันเป็นความหวัง และแรงบันดาลใจให้ตนตื่นมาทำงานในวันพรุ่งนี้เช้า
เมื่อย้ำถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ได้เรียนแล้วว่ารัฐมนตรีพรรคร่วมเราเองก็ทำงานซึ่งท่านก็เห็นตนเองก็คุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ดี และตนก็คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ดี และตนก็มีความสัมพันธ์ ที่ดี กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน และเรื่องของเรือนจำที่จังหวัดอุดรธานี ตนก็คุยกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่งก็เป็นพรรคประชาชาติ ต่างพรรคหมด ทุกคนมีความตั้งใจดีในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ถ้าถึงเวลาที่เราต้องปรับก็ต้องปรับ แต่วันนี้ถ้าถามตนมาทุกๆอาทิตย์ ไม่ปรับ ยังไม่มีการปรับ
เมื่อถามว่า มีระยะเวลาในการตรวจเคพีไอหรือไม่ นายเศรษฐกล่าวว่า ทุกคนมีเคพีไอหมด และตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนตั้งเป้าไว้สูงและทุกคนยังทำได้ดีกว่านี้อีก รวมถึงตัวของผมเองด้วย
เมื่อถามว่านายกฯเป็นดาวฤกษ์เรืองแสงในตัวเองใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนตื่นเช้าไปทำงานพรุ่งนี้ เอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง