คู่รักทั้งไทย-ต่างชาติ แต่งกายด้วยชุดผ้าไทยสวยงาม จูงมือจดทะเบียนสมรสวันวาเลนไทน์ ที่ ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำ และนกกระเรียนพันธุ์ไทย ในงาน “รัก ณ เมืองบุรีรัมย์” รักมั่นคง ยืนยง ดั่งนกกระเรียน เป็นปีแรก มีผู้ว่าฯ นายอำเภอ-จนท.แต่งชุดไทยย้อนยุค ร่วมพิธีชื่นมื่น

  วันนี้ (14 ก.พ.) จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จัดกิจกรรมเนื่องในวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ ที่ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย หมู่ 14 ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  โดยใช้ชื่อว่า “รัก ณ เมืองบุรีรัมย์” รักมั่นคง ยืนยง ดั่งนกกระเรียน ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก โดยปีนี้ได้มีคู่รักทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวน 15 คู่เข้าร่วมพิธีจดทะเบียน บรรยากาศช่วงเช้าก็เปิดให้คู่รักลงทะเบียน

  โดยมี นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในพิธีเปิด  พร้อมด้วยนายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และแขกผู้มีเกียรติ แต่งกายด้วยชุดผ้าไทยสวยงามหรือชุดผ้าไทยย้อนยุค ร่วมแสดงความยินดีกับคู่รักที่จดทะเบียนสมรส 

  หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์  ได้มอบทะเบียนสมรส และของที่ระลึกเป็นรูปนกกระเรียนคู่ พร้อมร่วมถ่ายภาพคู่กับคู่รักเก็บไว้เป็นที่ระลึกที่ซุ้มประดับ และมีตัวมาสคอร์ตนกกระเรียนคู่ด้วย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ที่แต่งชุดไทยย้อนยุคอย่างสวยงามร่วมเป็นสักขีพยาน ท่ามกลางบรรยากาศอันชื่นมื่น สร้างความประทับใจแก่คู่รักที่มาร่วมจดทะเบียนสมรส          

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ภายใต้สโลแกน "รักมั่นคง ยืนยง ดั่งนกกระเรียน" มีความหมายว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทย เป็นสัตว์ที่มีนิสัย มีคู่ตัวเดียวตลอดชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ในการครองคู่ ช่วยกันกกไข่จนลูกนกฟักออกจากไข่ เป็นนกที่ไม่ลืมถิ่นกำเนิด และเป็นนกที่มีอายุยืนยาว เพื่อเก็บเป็นบันทึกความทรงจำในการสร้างครอบครัวที่สวยงาม กับการครองคู่ ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันไปตราบนานเท่านาน เช่นเดียวกับ นกกระเรียนพันธุ์ไทย

สำหรับ ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ หมู่ 14 ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่ง องค์การสวนสัตว์ (อสส.) ร่วมกับจังหวัดบุรีรัมย์ หน่วยงานภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่รอบเคียง ได้ร่วมกันจัดตั้งเป็นศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และพื้นที่การจัดแสดงนิทรรศการกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธ์ไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชุมชน และองค์ความรู้ท้องถิ่น ที่สอดคล้อง กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม 

  ซึ่งก่อนหน้านี้ นกกระเรียนพันธุ์ไทย ได้เคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติไปแล้วกว่า 50 ปี ทางสวนสัตว์นครราชสีมา จึงได้ทำการเพาะเลี้ยงฝึกและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อให้สามารถคืนถิ่นกลับสู่ธรรมชาติ ใช้ชีวิตหากินและขยายพันธุ์ อยู่ในระบบนิเวศได้อีกครั้ง ในพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดบุรีรัมย์ มาแล้วหลายครั้ง และได้มีชีวิตรอด สามารถติดตามตัวได้ กระทั่งมีลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย ที่เกิดในธรรมชาติ อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 150 ตัว