“พิธา” ชี้ดีเดย์ซักฟอกรบ.เม.ย. ปมบริหารล้มเหลว-ประพฤติมิชอบ ยันเป็นการเรียนรู้ไปในตัวหาก “ก้าวไกล” เป็นรัฐบาล เตรียมหารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ปัดข่าวไม่กล้าแตะ “ทักษิณ” มองถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ถามกลับสว.เปิดซักฟอก ม.153 แต่ก่อนไม่ทำ
วันที่ 26 ม.ค.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลจะมีจุดยืนและตรวจสอบรัฐบาลอย่างไร ว่าก็คงจะมีการทำงานร่วมกัน คิดที่จะเป็นสถาบันทางการเมืองหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งก็ต้องมีแผนในการดำเนินการประจำปี แต่เมื่อต่างพรรคต่างคิดกันก็ต้องนำมารวมกัน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรมและพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่น มาดูว่าอะไรที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้ หรือแจกจ่ายงานกันว่าใครเหมาะสมทำงานในส่วนไหน คงจะมีการหารือกันต่อไปว่าพรรคอื่นแผนแต่ละปีของแต่ละพรรคเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่เห็นการทำงานที่เข้มข้นในการตรวจสอบรัฐบาลของพรรคก้าวไกล เพราะที่ผ่านมาอาจจะเจอปัญหาภายในของพรรค จึงอยากทราบว่าหลังกลับมาแล้วรัฐบาลจะเจออะไร นายพิธา กล่าวว่า ทุกสัปดาห์ก็จะมีกรรมาธิการทำงานเก็บข้อมูล ลงพื้นที่รับฟังพี่น้องประชาชน และมีการเรียบเรียงฉายภาพให้เห็นว่ารัฐบาลทำผิดพลาดมีอะไรบ้าง และสิ่งที่รัฐบาลจะต้องปรับปรุงมีอะไรบ้าง ซึ่งกลไกของรัฐสภาก็เห็นแล้วว่าเดือน เม.ย.เป็นต้นไปก็พอจะเห็นภาพและสามารถเรียบเรียงข้อมูลที่ทำงานมาทุกสัปดาห์ และชี้แจงให้กับประชาชนและรัฐบาลได้ทราบด้วย อย่างไรก็ตามถ้ามีเหตุการณ์สำคัญๆรอไม่ได้ถึงเดือนเม.ย.ก็จะใช้ทั้งกลไกสภาฯ กระทู้และการแถลงข่าวของกมธ. เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นประโยชน์และเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่าในสัปดาห์หน้าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ได้มีการเตรียมการอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า มีการคิดเป็นฉากทัศน์ รวมถึงฉากทัศน์ที่แย่ที่สุด พรรคก้าวไกลก็ยังบริหารจัดการได้ และไม่ได้ทำให้ภาพรวมภาพใหญ่ตลอดทั้งปีต้องสะดุดลง แต่ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้
เมื่อถามว่าหัวข้อที่พรรคก้าวไกลได้เตรียมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วหรือยัง นายพิธา กล่าวว่า เน้นใน 3 ช้อใหญ่คือความล้มเหลวในการบริหาร การประพฤติมิชอบ เรื่องคอร์รัปชั่น และมีการทำงานที่ช้าเกินไป น้อยเกินไป สายเกินไป และหลายๆเรื่อง ถ้าไม่ตรงกับความท้าทาย หรือศักยภาพของประเทศก็จะใช้โอกาสตรงนี้ ตอนนี้การทำข้อมูลหลังบ้านก็มีเพิ่มขึ้นทุกอาทิตย์ ไม่ว่าจะมาในรูปของจดหมาย หรืออินบ๊อกมา การลงพื้นที่แล้วมาพูดคุย และทางกรรมาธิการเรียกข้อมูลมาได้เรื่อย เหมือนที่เคยทำมาตลอดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง และมาตรฐานก็คงไม่ต่ำกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือนายรังสิมันต์ โรม หรือของตน
นายพิธา กล่าวว่า การทำงานของตนไม่ได้มีแค่ฝ่ายตนและฝ่ายรัฐบาล แต่ของตนมีประชาชน มีอาสาสมัครมีข้าราชการ มีเอกชน มีเอ็นจีโอ มีองค์กรระหว่างประเทศ ถ้าตนไม่พูดอย่างโปร่งใสว่าตนต้องการจะทำอะไร การจะได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนก็คงไม่เข้าใจว่าตนต้องการอะไร คิดว่าสะเปะสะปะไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมตรงไหน กับใคร อย่างไร และมองไม่เห็นว่าการเมืองแห่งความเป็นไปได้จะเกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งเป็นการสรุปให้ผู้บริหารได้เห็นภาพ คนที่จะลงแข่งทางการเมืองในท้องถิ่นก็คงจะเห็นภาพจะได้ทำงานร่วมกับเราได้
เมื่อถามว่ารูปแบบการทำงานฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกลไม่เหมือน 4 ปีที่ผ่านมาเน้นเรื่องกฎหมายและการทำงานของกมธ.ที่สามารถจับต้องได้ นายพิธา กล่าวว่า เราทำงานนิติบัญญัติ การออกกฎหมายที่ก้าวหน้าก็เป็นหน้าที่ของเรา ก็ต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องแนะนำด้วย ขณะเดียวกันเราก็ต้องเรียนรู้ในกระบวนการเพื่อเมื่อเราเป็นรัฐบาลจะได้ไม่มีข้อติดขัด และสามารถทำงานได้เลย ซึ่งเป็นการเรียนรู้ไปในตัว
เมื่อถามว่ากระบวนการตรวจสอบรัฐบาลของพรรคก้าวไกลอ่อนแอลง เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลโดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายพิธา กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเราทำงานตรงไปตรงมาก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ได้ตั้งกระทู้ในสภาฯ สิ่งที่เกิดขึ้นตนมองที่ระบบไม่ได้มองที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ต้องการที่จะทำให้กลายเป็นเรื่องที่เกิดความสะใจ แต่คิดว่าระบบที่ควรจะมีความเสนอภาคกันของคนที่โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงคนที่ลี้ภัยไปในหลายประเทศ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมัน คนที่แสดงออกทางการเมืองแล้วไม่สามารถกลับบ้านได้ รวมถึงพี่น้องหลายคนที่อยู่ในคุก หรือที่ต้องไปเสียชีวิตในต่างประเทศก็ควรที่จะรับโอกาสในการกลับเข้าสู่กระบวนการอย่างเท่าเทียม นี่คือสาเหตุที่เราพยายามที่จะผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ไม่ได้ต้องการเน้นว่าจะสนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ต้องการให้เห็นประเทศไทยเป็นนิติรัฐของอภิชน เราก็พยายามจะทำงานตรงนี้ไปข้างหน้าให้ได้
เมื่อถามว่าคนยังจำว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าแตะเรื่องของนายทักษิณ มีการนำไปเปรียบเทียบกับสว.ว่าทำงานได้มากกว่า นายพิธา กล่าวว่า อายุและเวลาไม่เท่ากัน มีเวลาในการทำงาน การทำงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายความว่าทำก่อนทำหลัง แต่ใครทำงานได้ตรงเป้าหมายมากกว่ากัน ถ้าวุฒิสภาเห็นว่าเวลาที่เหมาะสมคือตอนนี้ทำก่อนพรรคร่วมฝ่ายค้านก็มีสิทธิ์ที่จะทำ แต่ที่น่าแปลกก็คือเข้าใจประชุมกันมาหลายปีเพิ่งเห็นครั้งแรกไม่เคยตรวจสอบรัฐบาลมาก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับไป แต่เราอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกปีและไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง อย่างน้อยก็ทำเต็มที่ไม่มีการออมมือ
เมื่อถามว่ากรณีนายทักษิณสังคมมองว่าเกิดสองมาตรฐาน แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้ออกมาดำเนินการในเรื่องนี้ นายพิธา กล่าวว่า นายชัยธวัชได้ตั้งกระทู้ถามไปแล้วและมีสองมาตรฐานจริงๆ แต่นายทักษิณก็โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง สองมาตรฐานเช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าสองมาตรฐานตอนนี้จะไปล้มล้างสองมาตรฐานในอดีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ควรเป็นสองมาตรฐานเดียวทั้งก่อนและหลัง แต่ก็ยังติดตามตลอด และจะใช้กลไกทั้งในและนอกสภาฯทำงานตรงนี้
เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน จะมีเรื่องนายทักษิณหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
#พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #พิธา #ทักษิณ