วันที่ 13 ม.ค.67 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก CHAO MEEKHUAD เรื่อง หยุดความอหังการ์นักโทษเทวดาชั้น 14 ด้วยอำนาจศาลฎีกาฯ สั่งทุเลาโทษจำคุกตาม วิอาญา มาตรา 246 มีเนื้อหาระบุว่า ปัญหาการรับโทษจำคุกของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐเยี่ยงเทวดา สร้างความสั่นคลอนต่อระบบยุติธรรมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ล่าสุดหลังผ่าน 120 วัน กรมราชฑัณฑ์ชี้แจงว่า “ขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกไปรับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลตำรวจเกินระยะเวลา 120 วัน โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจเพื่อรับทราบถึงอาการป่วยของนายทักษิณฯ ซึ่งแพทย์ได้รายงานอาการเจ็บป่วยในหลายประการที่ต้องเฝ้าระวังโดยแจ้งความเห็นว่า ผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต”
นายเชาว์ ระบุต่อว่า ฟังได้แค่ขำๆ เพราะไม่มีใครเขาเชื่อ เช่นเดียวกับ กมธ.ตำรวจ สภาฯ ไปตรวจงานที่โรงพยาบาลตำรวจ มีการส่งตัวแทนคือ นายชัยชนะ เดชเดโช ประธาน กมธ. เป็นตัวแทนขึ้นไปชั้น 14 ที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวอยู่ แต่ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของนักโทษชายทักษิณ จนอดขำไม่ได้เช่นกัน เพราะภารกิจนี้ของ กมธ.ฯ ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรก จึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าสถานการณ์แบบนี้รู้อยู่แล้วหรือไม่ว่า สิ่งที่ได้จากภารกิจนี้จึงมีเพียงแค่ โหนกระแสนักโทษชายทักษิณให้ได้เป็นข่าวเท่านั้น
ขณะที่บางคนคิดไปไกลถึงขั้นว่า มีใครกำลังเคาะกะลา เรียกเรตติง สร้างราคาให้ตัวเอง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองประโยชน์อะไรอยู่หรือเปล่า จึงเป็นห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวังต่อระบบยุติธรรมไทย แต่ละองค์กรและเทะไปหมดในยุคนักโทษชายครองเมือง ผมเคยทำจดหมายเปิดผนึกถึง ปปช. และอัยการสูงสุด ในฐานะโจทก์แต่ละคดีทั้งสามคดี ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงให้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลไต่สวนพฤติการณ์ การจำคุกของนักโทษชายทักษิณ ว่าถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือไม่ เพราะเชื่อว่าไม่ได้ป่วยจริง
แต่ปปช.และอัยการสูงสุดก็ไม่ขยับ แต่ก็มีคนเคยนำประเด็นนี้ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาโดยตรงแต่ศาลยกคำร้องอ้างเหตุเป็นอำนาจของราชทัณฑ์ ภายหลังจากที่กรมราชฑัณฑ์แถลงหลังนอนอยู่ รพ. ตำรวจเกิน 120 วันของนักโทษชายทักษิณว่า ” อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต
“ ผมจึงเห็นว่ากรณีเจ็บป่วยของนักโทษชายทักษิณจึงน่าจะเข้าหลักเกณฑ์เรื่องการทุเลาโทษจำคุกตาม ปวิอ. มาตรา 246 (2) บัญัตติว่า เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ให้ศาลมีอำนาจสั่ง ให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุ อันควรทุเลาจะหมดไป
ดังนั้น เมื่อเป็นการทุเลาโทษจำคุก จึงถือว่านักโทษชายทักษิณยังไม่ได้รับโทษจำคุก จนกว่าจะหายป่วย และส่งตัวเข้าเรือนจำตามปกติจึงจะเริ่มรับโทษจำคุกใหม่ การพักโทษที่นักโทษชายทักษิณกำลังจะได้รับก็ยังไม่เริ่มนับเช่นเดียวกัน
ผู้เกี่ยวข้องควรเริ่มดำเนินการทันที เพราะหากไม่ทำอะไรเลย เท่ากับตอนนี้นับถอยหลังรอวันนักโทษเทวดาพ้นคุกแบบชิล ๆ เนื่องจากเหลืออีกเพียงเดือนเศษ ก็จะเข้าหลักเกณฑ์ขอพักโทษแล้ว หากปล่อยให้ถึงวันนั้น ระบบยุติธรรมไทยคงเสื่อมถอยมากในสายตาของประชาชน
และผมเชื่อเลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นายทักษิณพ้นคุก สุขภาพของเขาจะแข็งแรงขึ้นมาทันที รวมถึงจะกลับมามีบทบาททางการเมืองอย่างเข้มข้น คนที่เป็นนายกฯ อยู่ในปัจจุบัน ก็จะเหลือค่าแค่นอมินีเท่านั้น ไม่แตกต่างจากในอดีต ผมขอย้ำว่าคนทำผิดต้องติดคุก คนทำร้ายชาติบ้านเมืองต้องไม่ได้ดี" นายเชาว์ ระบุ ทิ้งท้าย