เรือนจำกลางขอนแก่น จู่โจมแต่เช้า ค้นทุกซอกทุกมุมแดนหญิง-แดนชาย พร้อมสุ่มตรวจหาสารเสพติดผู้ต้องขัง ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยและคุมเข้มผู้ต้องขังรับเทศกาลปีใหม่

      เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่  29 ธ.ค.2566 ที่เรือนจำกลางขอนแก่น นายพันธ์เทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายประจวบ รักแพทย์ รักษาการปลัดจังหวัดขอนแก่น และ นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น สนธิกำลังร่วมตำรวจ-ทหาร-ฝ่ายปกครองและชุดเฉพาะกิจกรมราชทัณฑ์ ทำการจู่โจมตรวจค้นอาคารควบคุมผู้ต้องขังทุกจุดภายในเรือนจำ

      โดยกำลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการประกาศเรียกรวมผู้ต้องขังหญิงทุกคนไว้ในจุดที่กำหนด รวมทั้งผู้ต้องายทั้งหมดไว้ที่บริเวณลานกิจกรรมของเรือนจำฯ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวค้นเรือนนอน,อาคารฝึกฝีมือ,ห้องน้ำ,โรงอาหาร,และโครงครัว รวมไปถึงจุดต้องสงสัยภายในห้องคุมขังแดนหญิงและแดนชาย ตามยุทธวิธีที่กรมราชทัณฑ์กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำอย่างเข้มงวด

      นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น กล่าวว่า ในการตรวจค้นครั้งนี้ได้เปิดปฎิบัติการจู่โจมในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ เพื่อตอกย้ำถึงมาตรฐานความปลอดภัยและความเข้มงวดของเรือนจำกลางขอแก่น ตามนโยบายในการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ภาพรวมของจังหวัดและเรือนจำ ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ และจากการสุ่มตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขังก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆเช่นกัน

      “นโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่ได้กำหนดแผนงานขับเคลื่อนรวมพลัง 8 มิติ เพื่อยกระดับการสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งในมิติที่ 2 เป็นการยกระดับความมั่นคงปลอดภัยในเรือนจำ และสถานที่ควบคุม โดยมีนโยบายให้เรือนจำและทัณฑสถานทั่วทั้งประเทศ ดำเนินการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมไปถึงสิ่งของต้องห้าม และสิ่งที่ไม่อนุญาต ดังนั้นการจู่โจมตรวจค้นในวันนี้เป็นกรณีพิเศษร่วมกันกับหน่วยงานภายนอกปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมีความโปร่งใส และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรและกรมราชทัณฑ์”

      นายจักร กล่าวต่ออีกว่า การตรวจค้นของเรือนจำนั้น โดยปกติจะทำการสุ่มตรวจแดนหญิงและแดนชาย ทุกวัน ในจุดเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งการประสานงานร่วมหน่วยงานภายนอกในการตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อตอกย้ำถึงความปลอดภัยและขานรับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างเรือนจำสีขาว ปลาดยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการฝึกฝีมือและอาชีพเพื่อคืนคนดีกลับสู่สังคมต่อไป