เมื่อวันที่ 16 พ.ย.  เวลา 11.00 น. ( ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ได้พบหารือกับ U.S. APEC Business Coalition ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วย National Center for APEC (NCAPEC) ประธานสภาหอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce: USCC) และสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council: USABC) โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

 

นายกฯ ย้ำความเป็นกว้างของรัฐบาลไทยด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งประเทศไทยมีพื้นฐานด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าที่จะทำให้ประเทศไทยพร้อมสำหรับอนาคตให้เจริญเติบโตท่ามกลางวิกฤติหลายด้านของเศรษฐกิจโลกที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งมั่นที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาในเส้นทางการพัฒนาด้วยมาตรการ quick-win รวมถึงการลดค่าครองชีพ การสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศ และการขยายการลงทุนและธุรกิจ

 

นายกฯ กล่าวว่า ไทยมุ่งเป้าสู่การเป็นศูนย์กลางความเชื่อมโยงในภูมิภาคด้านการพาณิชย์และโลจิสติกส์ โดยเน้นมาตรการระยะกลางและระยะยาว ทั้งการเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ เร่งการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA ) เพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่ ตลอดจนเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ในฐานะศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาค การจัดลำดับความสำคัญของความเชื่อมโยงผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย ซึ่งจะเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอีกมาก 

 

โดยนายกฯ กล่าวเชิญชวนและยินดีต้อนรับการลงทุนของสหรัฐอเมริกาเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการเปิดใช้งานอาคารผู้โดยสาร Satellite 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานอันดามันที่จังหวัดภูเก็ต และท่าอากาศยานล้านนาที่จังหวัดเชียงใหม่ และแผนการปรับปรุงท่าอากาศยานอื่นๆ ของไทย เพื่อรองรับความเชื่อมโยงภายในประเทศ อันจะนำไปสู่การก้าวเป็น hub คมนาคมขนส่งของภูมิภาค อีกทั้งยังจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงซอฟต์พาวเวอร์ท้องถิ่นของจังหวัดต่างๆ ด้วย

 

นายกฯ ยังได้ย้ำว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นรากฐานความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ จึงหวังว่า U.S. APEC Business Coalition จะสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึง APEC ให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในด้านที่ไทยและสหรัฐฯ ให้ความสำคัญร่วมกัน เช่น ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน การเปลี่ยนผ่านพลังงาน การเชื่อมโยงทางกายภาพและดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

 

นายกฯ กล่าวว่า ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่สำคัญซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานสะอาด และอื่นๆ พร้อมย้ำตอนนี้เป็นเวลาที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย โดยไทยกำลังดำเนินการด้านกฎระเบียบที่ครอบคลุม การแปลงบริการภาครัฐเป็นดิจิทัลและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติเพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสมและได้รับมาตรการส่งเสริม พร้อมกันนี้พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการหารือ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันด้วย