วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของ กองกำลังทหารกะเหรี่ยงคะยา KA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา กองกำลังผสมกะเหรี่ยงคะยาประกอบด้วย KNPLF, KA/KNPP, KNDF, PDF เมืองดีมอโซ, PDF เมืองลอยก่อ์ , PDF เมืองโมเบีย , PDF เมืองแผ่โข่ง และ PDF รัฐฉานใต้  สนธิกำลังรวม 1,200 คน โดยจัดชุดปฏิบัติการออกเป็น 3 ชุด เข้าปฏิบัติการตามแผนยุทธการ 1111 ( Operation 1111) บุกเข้าโจมตีและยึดค่ายทหารเมียนมาในเมืองลอยก่อว์ ค่ายกองบัญชาการควบคุมทางทหารเมืองลอยก่อว์ , ค่ายกองพันทหารราบที่ 54  และพื้นที่เขตรอยต่อรัฐคะยา (เหนือ) กับรัฐฉาน (ใต้)  จำนวน 4 ค่าย พร้อมกัน ได้แก่ ค่ายวารีสุปราย  อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองลอยก่อ ประมาณ 35 กม. ค่ายน้ำจ๋ามคำ อยู่ทิศ ตะวันตกของเมืองลอยก่อว์ ประมาณ 20 กม., ค่ายพญาผิ่ว  อยู่ทิศ ตะวันตกของเมืองลอยก่อว์ ประมาณ 10 กม. , ค่ายเหย่โหย่ อยู่ในพื้นที่เมืองลอยก่อว์ ห่างตัวเมืองลอยก่อไปทางทิศ ตะวันตก ประมาณ 5 กม. และค่ายทหารอีกจำนวน 3 ค่ายที่ยังไม่ทราบชื่อ

อย่างไรก็ตามเมื่อทหารเมียนมาถูกโจมตีพร้อมกันโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้แตกพ่ายและหนีออกจากฐานที่มั่นไปอยู่บริเวณรอบ ๆ และถูกกองกำลังผสมกะเหรี่ยงคะยา ทำการไล่ล่า ขณะที่ทางการเมียนมาได้ส่งเครื่องบินขับไล่ มาโจมตีฝ่ายต่อต้าน ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการทิ้งระเบิดและเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง และมีผู้ลี้ภัยหนีออก ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน จากเมืองลอยก่อว์ มุ่งหน้ามาทางเมืองดีมอโซว์ด้านทิศใต้ของเมืองลอยก่อว์

การสู้รบดังกล่าว สร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ชนกลุ่มน้อยจำนวนมาก พากันเปิดแผนยุทธการบุกเข้ายึดค่ายทหารเมียนมา พร้อมกันในหลายพื้นที่ และการสู้รบยังทำให้กองทัพอากาศสเมียนมา ต้องสูญเสียเครื่องบินรบไปด้วย 1 ลำในรัฐคะยา หรือรัฐคาเรนนี

ในส่วนของผู้ลี้ภัยชาวคะยา ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เหลือยอดผู้ลี้ภัยจำนวน 3,063 คน ในศูนย์พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่บ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง , พื้นที่บ้านพะแข่ ต.แม่กิ๊ อ.ขุนยวม , พื้นที่บ้านอุนู ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง และ พื้นที่บ้านจอปร่าคี ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ส่วนพื้นที่บ้านใหม่ในสอย ผู้ลี้ภัยได้เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาในรัฐคะยาหมดแล้ว