‘สว.สมชาย’ ปลุก ‘ส.ส.-ปชช.’ ค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล1หมื่น หวังกดดันรัฐบาล เบนเป้าหันช่วย ’กลุ่มเปราะบาง’ แทน แนะแนวทางเปลี่ยนเงินเป็นรายเดือน อุ้ม ‘กลุ่มมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’

วันที่ 27ต.ค.2566 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จัดเสวนาในหัวข้อ “หมุดประชานิยมอย่างไร ให้การเมืองไทยพัฒนา“ โดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กล่าวตอนหนึ่งถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลลเล็ต 10,000 บาทว่า การเสนอนโยบายต่อประชาชนต้องรับผิดชอบ ร่วมกับความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ทั้งนี้ตนสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศอยู่ในระดับประเทศที่พัฒนา แต่การดำเนินการทำให้ตนสงสัยในการดำเนินงานของรัฐบาล เพราะไม่คุ้มค่า ทั้งนี้นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลจะเริ่มในเดือนเม.ย. 67 เหตุผลเพราะพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 จะออกในช่วงดังกล่าว และเพราะรัฐบาลไม่มีเงิน ทั้งนี้ตนมองว่าควรปรับปรุงนโยบาย โดยทยอยแบ่งจ่าย เดือนละ 1,000 บาท  ให้กับผู้ที่ได้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงประชาชนที่เข้าหลักเกณฑ์ผ่านแอพเป๋าตังค์

“รัฐบาลไม่อยากใช้แอพเป๋าตังค์ เพราะมีกลิ่นไอของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ขณะที่ซุปเปอร์แอพลิเคชั่นนั้นไม่มีจริง เป็นเพียงหน้ากากที่จะนำไปติดหน้าร้านเท่านั้น แต่แท้จริงยังเป็นแอพลิเคชั่นเป๋าตังค์  ดังนั้นผมเชื่อว่ารัฐบาลจะใช้แอพลิเคชั่นเป๋าตังค์ต่อแน่นอน ส่วนที่รัฐบาลคิดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับการวางฐานของเงินดิจิทัล เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ตอนนี้กลับไม่ได้นกสักตัว ผมแนะนำรัฐบาลใช้เงิน 5.6 แสนล้านบาทซึ่งเป็นงบเพื่อพัฒนาประจำปี ช่วยกลุ่มผู้เปราะบาง หากผมเป็นนายกฯ สัปดาห์หน้า​จะสั่งให้เดินหน้าคนละครึ่งและเที่ยวทั่วไทย ทำให้ร้านค้าได้รับทั่วประเทศ ดูแลกลุ่มเปราะบาง ขณะที่เงินดิจิทัลผมขอให้วางโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและยั่งยืน” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า หากรัฐบาลเลือกจะกู้เงินเพื่อดำเนินการ ตนเชื่อว่าจะมีภาระดอกเบี้ยอีกกว่า 1.4 แสนล้านบาท ทำให้หลายคนปฏิเสธนโยบายดังกล่าว ซึ่งตนเชื่อว่าหากทุกภาคส่วน ทั้ง สส. ฝ่ายค้าน สว. ปฏิเสธการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล เพื่อให้เปลี่ยนเป้าหมายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำจะเหมาะสมมากกว่า

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ก่อนเข้าร่วมเวทีตนได้หารือกับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานะประธานกรรมการศึกษาโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล  ทราบว่าขณะนี้รวบรวมรายละเอียดไปกว่า 70% แล้ว อีกไม่นานจะสรุปได้ ขณะนี้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินน (สตง.) ได้เดินหน้าเรื่องนี้ ดังนั้นนเมื่อ คตง. และป.ป.ช.ดำเนินการแล้ว หาพบว่าเสียหายต่อเศรษฐกิจร้ายแรง สามารถเสนอให้สภาฯ วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาหากไม่หยุดยั้งและเกิดความเสียหาย หรือไม่ลดเพดานอาจเกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ติดคุก หรือหลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติได้ ดังนั้นผมมองว่าหากรัฐบาลยอมรับ สามารถบอกเลิกพร้อมกับขอโทษประชาชน และนำเงินไปทำอย่างอื่นได้ 

ขณะที่นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการติดตามในการทำนโยบายของรัฐบาล อยากรู้ว่ารัฐบาลจะนำเงินมาจากไหน  หากมาโดยวิธีการกู้เงิน เท่ากับว่าภาระของประชาชนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน ขณะนี้ในแง่ความยั่งยืนทางการเงิน หากรัฐบาลกู้เงินจะเกิดภาวะดอกเบี้ยที่เพิ่มภาระต้นทุนของประชาชนในการประกอบอาชีพ หรือใช้ชีวิตสูงขึ้น ทั้งนี้ในภาระดอกเบี้ยของประชาชน ปัจจุบันอยู่ที่ 9% ซึ่งเกณฑ์ไม่ควรเกิน 10%