# นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการพูดคุยกันธรรมดา ในฐานะผู้บริหารองค์กรสูงสุด ตนก็รับฟังความคิดเห็นของท่านเป็นธรรมดา ในเรื่องของสถานภาพเศรษฐกิจโดยรวม และทุกนโยบายที่ได้ทำ ถือเป็นการรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน รวมถึงข้อกังวลที่ท่านมีและเสนอแนะมา
" เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ 2 คนคุยกัน และพูดคุยกันด้วยดี โดยจะมีการพบกันอย่างต่อเนื่อง และนัดครั้งต่อไปอีก 2 - 3 วันข้างหน้า ส่วนมีเรื่องความขัดแย้งอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงดังว่า ไม่มีขัดแย้ง ไม่มีแน่นอน"
# นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะ ประธานคณะกรรมการศึกษา แนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รายชื่อบุคคล จากทุกภาคส่วน 35 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการจากเดิมที่วางไว้ 30 คน โดยจะส่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พิจารณาในวันที่ 3 ต.ค. และถ้าลงนามเห็นชอบก็จะมีการเริ่มประชุมทันทีซึ่งจะใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่หลักในการประชุม ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการชุดนี้จะได้ข้อสรุปในการทำประชามติภายในสิ้นปีนี้
# นายอดิศร เพียงเกษ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาล ว่า จากเดิมมติพรรคเพื่อไทย จะเสนอญัตติด่วน ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 ภายหลังถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากพรรค
แต่จากการหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติไม่ควรนำเรื่องนี้มาพูดคุยที่ประชุมสภาฯ เพราะอาจโดนครหาเรื่องเสียงข้างมากลากไป ฉะนั้น จึงมีมติว่า ฝ่ายรัฐบาลจะใช้ช่องทางยื่นไปยังองค์กรอิสระแทน
# นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงแนวทางการทำงานฝ่ายค้านเชิงรุกของพรรคว่า จะเป็นการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เราอยากจะเห็น หนึ่งในวิธีการแบ่งคือการแบ่งทีม ส.ส.และทีมงานพรรค ออกเป็น 15 ทีมเชิงประเด็น
สำหรับทีมทำงานของพรรคก้าวไกลทั้ง 15 ทีมจะไม่เรียกว่า ครม.เงา เพราะเรามองว่าไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เงาตามไล่บี้ว่ารัฐบาลทำอะไรแล้วบ้าง ตอบโจทย์แค่ไหน แต่เราต้องการจะเป็นเสมือนกับแสงด้วยเช่นกัน เพื่อพยายามนำทางให้รัฐบาลเห็นในประเด็นที่ยังไม่ขยับหรือยังไม่มีการวางแผน