สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…
แม้ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คดีกำนันนก และการบุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก จะเป็น 2 ประเด็นร้อนที่เรียกร้องความสนใจจากผู้คน ทว่า ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังคงเกาะติดเรื่องราวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเข้าคุกรับผิดตามกระบวนการยุติธรรมได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับการส่งตัวมานอนรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ …*…
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก กับอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณที่กลายเป็นปริศนา ไม่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องใดออกมาให้รายละเอียดบอกกล่าวคลายความสงสัย โดยกรมราชทัณฑ์ให้เหตุผลว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลให้เป็นไปโดยเสมอภาคกันตามกฎหมาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ต้องขัง การสัมภาษณ์ การเปิดเผยใบหน้า โดยเฉพาะข้อมูลทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องขังรายใดก็ตาม ทั้งที่เป็นประชาชนคนธรรมดา ดารานักแสดง นักการเมือง หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ ไม่สามารถเปิดเผยได้หากผู้ต้องขังไม่ยินยอม และกรณีที่เปิดเผยข้อมูลได้ ต้องมีการลงนามในแบบฟอร์มเพื่อยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลเท่านั้น …*…
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลอีกด้านที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งจากนายสมชาย แสวงการ วุฒิสมาชิก ว่า ตามข้อมูลจากตัวแทนกรมราชทัณฑ์ที่แจ้งกับคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภานั้น นายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ 1 ปีแล้ว จะได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกหรือไม่ มีเกณฑ์ว่าจะต้องอยู่ในเรือนจำไม่น้อยกว่า 4 เดือน และมีการปรับระดับนักโทษจากชั้นกลาง เป็นชั้นดีเยี่ยมแล้ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ส่วนการพักโทษจะได้รับเมื่อเป็นนักโทษชั้นกลาง คาดว่าราวเดือนก.พ.2567 และหลังถูกจำคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของโทษ สรุปคือนายทักษิณ จะได้รับโทษ 6 เดือนนับแต่ 22 ส.ค.นี้ ก็จะอยู่ในเกณฑ์พักโทษ 2567 จะเข้าสู่เกณฑ์พักโทษ คือ เป็นผู้สูงวัย และมีโรคประจำตัวอยู่ในเกณฑ์เข้าข่ายการพักโทษได้ ไม่จำเป็นต้องใส่กำไลอีเอ็ม กำหนดพื้นที่อยู่ที่บ้านห้ามออกนอกประเทศไทย …*…
สำหรับนายทักษิณเวลานี้นั้น ไม่ใช่แค่ “เผือกร้อน”ของหน่วยงานราชการที่พยายามหลีกเลี่ยงกล่าวถึง แม้แต่รัฐบาลด้วยก็เช่นกัน เห็นได้จากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่รีบออกมาปฏิเสธข่าวจะตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษา โดยมีการอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐาต่อสำนักข่าวต่างประเทศว่า ไม่เคยพูด แต่สิ่งที่ถูกถามว่าจะปรึกษานายทักษิณหรือไม่ ตนจึงตอบว่า จะปรึกษาอดีตนายกรัฐมตรีทุกท่าน ซึ่งท่านแรกที่ได้ปรึกษาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯและอดีต รมว.กลาโหม ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯที่ได้ไปหาถึงบ้าน รวมถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯที่ไปพบที่เชียงใหม่ ส่วนนายทักษิณ เป็นนายกฯ ที่ได้รับคำชื่นชมจากประชาชนอย่างมาก และเป็นคนที่มีความรู้ …*…
“ผมคิดว่าประเทศไทยคงเสียหาย ถ้าผมไม่ปรึกษาคนเหล่านี้ เพราะผมเป็นมือใหม่หัดขับ ซึ่งไม่ใช่แค่นายกฯเท่านั้น อดีตรองนายกฯ ผู้แทนการค้าไทย รัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวง ผมก็ปรึกษาหมด ไม่ได้กีดกันใครทั้งสิ้น ไม่ได้กีดกันเรื่องสี และความเชื่อทางการเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ผมยินดี ไม่มีการพิจารณาที่จะไปตั้งท่านเป็นที่ปรึกษา ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อนตั้งกี่ปี จะมารับเป็นที่ปรึกษา ท่าน มีกฏ มีแนวทางมีหน้าที่รับผิดชอบในหน้าที่ของท่าน ที่อยากจะทำอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี ระบุ …*…
กรณีนายทักษิณนั้น หากรัฐบาลไม่เข้าไปดูแลบริหารจัดการให้ดี เพิกเฉยต่ออารมณ์ความรู้สึกของสังคม ก็ไม่ต่างอะไรกับ “ระเบิดเวลา” พร้อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเอง …*…
ที่มา:เจ้าพระยา (27/9/66)