เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ก.ย.66 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอหมายขังและนำตัว พันตำรวจตรีเกียรติศักดิ์ สมสุข ผู้ต้องหาที่ 3 ร้อยตำรวจโทประสาร รอดผล ผู้ต้องหาที่ 2 ร้อยตำรวจโทนิมิตร สลิดกุล ผู้ต้องหาที่ 3 ร้อยตำรวจตรีสรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 4 ร้อยตำรวจโทณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ ผู้ต้องหาที่ 5 ร้อยตำรวจเอกณัฏฐพล นาคกร ผู้ต้องหาที่ 6 ซึ่งถูกจับตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม เสนอต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในฐานความผิด "เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเวันการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต /,เป็นเจ้าพนักงานผู้มือำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมีให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง , เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลายช่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด , ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม"

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เรียกไต่สวนคำร้องขอให้ออกหมายขัง และพิจารณาหลักฐานของผู้ร้องแล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาทั้งหก เป็นผู้ซึ่งศาลได้ออกหมายจับได้อยู่ก่อนแล้ว โดยผู้ต้องหาทั้งหกน่าจะได้กระทำความผิดอาญาตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปั จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 6 ตามคำร้องมีกำหนด 12 วัน นับแต่วันนี้ (11 ก.ย.) 

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 6 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน แต่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าหากผู้ต้องหาทั้งหกได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วอาจจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 6 ในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง ได้แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 6 และผู้ประกันทราบแล้ว