ด่วน ผบ.ตร.สั่งย้ายตำรวจ 25 นาย เอี่ยวงานเลี้ยงเหตุยิงสารวัตรทางหลวง มาช่วย ศปก.ตร. ให้จเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง ความเกี่ยวโยงทุกประเด็นทุกมิติ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการเด็ดขาดทั้งอาญา วินัย ส่วนคดีสั่งโอนย้ายให้ บช.ก.รับผิดชอบ พร้อมสั่งระดมกวาดล้างปราบปรามอาชญากรรม ผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ กำชับคำสั่ง 1212/2537 ห้ามตำรวจห้ามไปยุ่งเกี่ยวคบค้าสมาคมผู้มีอิทธิพล
วันที่ 8 ก.ย.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติพล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณีเหตุคนร้ายอุกอาจเหิมเกริม ยิงสารวัตรตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในบ้านพักกำนัน พื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม แล้วปรากฎภาพของตำรวจ 25 นายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในที่เกิดเหตุ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน โดยประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชุดทำงานตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.
ผบ.ตร.เน้นย้ำต้องตรวจสอบสาเหตุ ความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่มีการปล่อยให้ผู้กระทำผิดได้หลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล รวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบทุกมิติ หากพบว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความผิดอาญา หรือวินัย ให้ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ประชาชนให้ความสนใจ มีความยุ่งยากซับซ้อน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีอิทธิพลในพื้นที่ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้โอนคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ให้ บช.ก.ทำการสอบสวนในความผิดของกำนันนก และหากตรวจพบความผิดอื่นก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งการขยายผลดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั่วประเทศ กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝึกฝนยุทธวิธีตำรวจ การใช้อาวุธ เครื่องป้องกันตัว ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน และสั่งกำชับความประพฤติข้าราชการตำรวจ มิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ผู้มีอิทธิผลในพื้นที่ ไม่เข้าไปคบค้าสมาคม หรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องใกล้ชิดผู้มีอิทธิพลในลักษณะที่เข้าข่ายจะมีผลให้สามารถนำไปกล่าวอ้างในลักษณะที่ไม่สมควรได้ โดยกำชับให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบหรือปรากฏข้อมูลว่ามีข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดความเสียหาย กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่ชาติโดยรวม ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการตำรวจดังกล่าว ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ด้วย