วันที่​ 4  ก.ย.2566-มจ.จุลเจิม ยุคล หรือ'ท่านใหม่' โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ จุลเจิม ยุคล ระบุว่า​ อภัยทาน

จากเสียงหนาหูในสื่อสังคมออนไลน์  จึงขออนุญาต ขอเล่าเรื่องสดๆ ร้อนๆ ในช่วงนี้ เวลานี้ ……. ก็คือเรื่องอภัยโทษคุณทักษิณ  แต่ก่อนที่จะคุยเรื่องนี้ ผมขอเชิญชวนทุกท่าน  โปรดนั่งใช้วิจารณญาณ ตรึกตรองสักนิด แล้วถามตัวเองว่า วันนี้ คนไทยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินแบบไหน ? แบบที่เราต้องหยุดรถ เพื่อรอขบวนเสด็จให้ผ่านไปก่อน  หรือแบบต้องยืนตรงถวายความเคารพก่อนดูหนัง หรือแบบต้องร้องตะโกนทรงพระเจริญต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ หรือแบบเข้าหาราษฎรทุกท้องถิ่นโดยไม่ต้องร้องขอ หรือเหมือนสายฝนที่โปรยปรายฉ่ำเย็นโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แบบไหน? 

 ผมจะขอเล่าเรื่องที่ในอดีต ปู่ย่า ตายาย เล่าให้ฟังสักนิด  คนไทยเรานั้น อยู่กับพระพุทธศาสนามานานมาก ดังนั้น หลักธรรมคำสั่งสอน สอนให้คนไทยเรามีความเมตตา กรุณา รู้จักรักและให้อภัย อโหสิแก่กันและกัน สังคมเราจึงมีรอยยิ้มและอบอุ่นชนิดที่สังคมประเทศอื่น แทบจะไม่มีมและไม่เข้าใจ  วันนี้คนไทยมากมายอาจไม่เห็นด้วยและไม่ยอม “ละวาง” หรือ “ไม่อภัย”ให้แก่กัน เก็บเป็นความแค้นฝังใจ ต้อง “เอาคืน” ให้ได้
 พระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าแผ่นดิน หรือในหลวงก็ได้ ของเรา  ตั้งแต่ครั้งเป็นกรุงสุโขทัยตลอดจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์  ไม่เพียงต้องมีความเมตตาและกรุณาเท่านั้น แต่พระองค์ยังต้อง “รักษา” ถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และเป็นแบบอย่างให้ทุกชีวิตในราชอาณาจักร เป็นต้นแบบความดีงาม เป็นหลักของสังคมและเป็นผู้นำของหมู่ชนหรือประเทศรอบ ๆด้วย

 พระมหากษัตริย์ ต้องดำรงพระองค์อยู่กับหลักปฏิบัติเหล่านี้ตลอดเวลา แน่นอนว่าทำได้ยาก จึงมีข้อปฏิบัติของพระมหากษัตริย์ที่เรารู้จักกันว่า ทศพิธราชธรรม เป็นหลักให้ยึดถือ และ ทาน ก็คือข้อแรกในทศพิธราชธรรม (ข้ออื่นๆ ก็สำคัญมาก) 

 ทานคืออะไร หลายท่านก็ค้นหาได้จากสารานุกรม หรือกูเกิ้ล แต่ขอกล่าวสั้นๆ ว่า ทรัพย์ทาน ว่าทำได้ยากแล้ว เราก็ยังเห็นคนสละทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นอยู่เนืองๆ และก็จะเห็นว่าพระมหากษัตริย์ จะทรงบริจาค ทานอยู่เสมอๆ และเป็นจำนวนมากด้วย (เพราะมันคือทศพิธราชธรรมที่พระมหากษัตริย์ ต้องทรงปฏิบัติและรักษา)  ธรรมทาน หรือความรู้ ข้อคิด และปัญญา จัดเป็นทานที่ละเอียดขึ้น และทำได้ยากขึ้น เพราะต้องประกอบด้วยเจตนาอันมุ่งมั่นด้วย ทานนี้จึงสำเร็จ เราก็เห็นโครงการมากมายที่พระราชทานเพื่อให้ความคิด ความรู้และสติปัญญาแก่ราษฎรทั่วหล้า (ไม่ใช่นึกสนุกหรืออยากอวด แต่เพราะเป็นทศพิธรราชธรรม  เป็นธรรมที่ต้องปฏิบัติไง)   

……และที่สูงสุดตามหลักพระพุทธศาสนา คือ 

“อภัยทาน เพราะจะต้องประกอบด้วยจิตที่เที่ยงธรรม ไม่ลำเอียง พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างตามโลกธรรม   จิตอุเบกขา ไม่ถือโกรธ ไม่เข้าข้าง มองการกระทำของผู้ใดเป็นเรื่องธรรมดาโลก   จิตที่เมตตา ให้โอกาสหากปฏิบัติพลาดพลั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม เพื่อทำสิ่งดีๆ ตามหลักคำสอน”
 
 นอกจากหลักทศพิธราชธรรม หลักพรหมวิหาร ที่พระมหากษัตริย์จะต้องเจริญสติ และปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาแล้ว  ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยเราก็รู้จักกันเพียงเท่านี้ แต่อาจไม่รู้ว่ายังมีหลักธรรมทีพระเจ้าแผ่นดินจะต้องยึดถือ รักษา และปฏิบัติอีกมากมาย เช่น  กฎมณเฑียรบาล จารีต ขนบประเพณี และหลักการปกครองสำคัญคือ จักรวรรดิวัตร อีก ๑๒ ข้อ ราชสังคหวัตถุ อีก ๔ ข้อ  (ขอย้ำว่ามันคือหลักวิธีการปกครองคนครับ)  หลักธรรมเหล่านี้ เคร่งครัดเหมือนกฎหมายและยังลึกซึ้งถึงวิธีทำ หลักธรรมเหล่านี้เอง จึงเหมือนเครื่องตรึง ร้อยรัด ประคับประคองให้พระเจ้าแผ่นดินตั้งมั่นอยู่ใน “ธรรมาธิปไตย” ถือธรรมหรือผลของการกระทำ คือประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ เป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ “สมบูรณาญาสิทธิราช” หรืออำนาจสูงสุดของพระมหากษัตริย์เป็นใหญ่ อย่างที่เข้าใจกันผิดเพี้ยน   

 คำประกาศอภัยโทษคุณทักษิณ เป็นหลักปฏิบัติตาม ทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร ราชสังคหวัตถุ และขนบ ประเพณี มาแต่โบราณ  (พระเจ้าแผ่นดิน ยุคสมัยก่อนๆ ก็มีมา ค้นคว้าหาอ่านได้)  มันเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับนักโทษทุกคน ในเรือนจำจะได้รับ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะมีเจ้าหน้าที่กลั่นกรองตามลำดับชั้น ซึ่งจะต้องกลั่นกรองและพิจารณาอย่างดีแล้ว จึงทูลเกล้าฯ พูดอีกมุมหนึ่ง มันคือหลักเกณฑ์เดียวกันกับที่พสกนิกรทุกคนต้องได้รับ โดยไม่ยกเว้นไม่ว่าจะรักหรือเกลียดพระองค์
 และเป็นพระราชอำนาจ คำนี้โปรดอย่าเข้าใจผิดว่า “ตามใจพระราชา”  แต่หมายถึง เป็นเกียรติ เป็นศรีถวายแด่พระมหากษัตริย์เพื่อพระองค์เป็นผู้ประกาศ เป็นพระมหากรุณาของผู้ปกครองแว่นแคว้นตามหลักปกครองที่กล่าวข้างต้น

  มีคำถามในหมู่ราษฎรส่วนหนึ่งว่าวันนี้  พระเจ้าแผ่นดินจะอยู่กับโลกยุคใหม่อย่างไร  

 อยากบอกว่า กรณีอภัยโทษ-อภัยทาน คุณทักษิณ ผลานิสงส์แท้จริง ไม่ใช่ตัวคุณทักษิณเป็นหลัก  
แต่กรณีนี้เป็นแบบอย่างให้คนไทยทุกคนและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการ สส สว หรือนักการเมือง ได้รู้ว่า การปกครองที่ดีที่สุด ผู้ปกครองควรต้องมีธรรม แม้จะทำได้ยาก แต่ก็ต้องทำ การยึดถือเอาธรรมเป็นหลัก คือการยึดถือผลหรือประโยชน์ของราษฎรทุกคนเป็นที่ตั้ง มีความถูกต้อง ดีงาม สังคมนั้นก็จะมีความสุข  
จริงๆ แล้วพระเจ้าแผ่นดิน อยู่กับคนไทยเรามานาน  แต่พวกเราบางคนกลุ่ม บางคน ต่างหากที่กำลังตั้งใจจะ ผลักไสให้พระองค์ออกไป...

 ผมเห็นอย่างนี้จริง ๆ ส่วนท่านจะเห็นด้วยหรือเห็นแย้ง ก็ขอสงวนสิทธิ์แสดงความเห็นด้วยความสุภาพ นะครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล