“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...
ไม่พูดพล่ามทำเพลง ชูประเด็นปากท้องเบิกทางก่อน งานแรกของ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ก่อนเข้าทำเนียบฯ ประกาศเลยว่าประชุม ครม.นัดแรกจะลดราคาพลังงานทันที...*...
ช็อตต่อมา เดินหน้าลุยเรื่องพักหนี้เกษตรกรและลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อติดตามปัญหาสินค้าราคาแพง และยังมีหน่วยงานต่างๆ เรียกว่า ฟิตลุยงาน สวนทาง “ดราม่าการเมือง”...*...
ส่วน “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นั้นคงต้องยึดตำราเดียวกันกับ “เสี่ยนิด” หากโผครม.ออกมาต้องไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ทัวร์ด้อมส้ม และก้าวไกล ที่เคยเผชิญมาก่อนทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ย่อมตามไปเขย่า อีกทั้งยังจะมีแนวร่วมของบรรดาหมอที่เคยอยู่ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เคยผ่านมาแล้ว...*..
ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวศ ลุกจากเก้าอี้ส.ส.ขยับให้ มังกร ยนต์ตระกูล มานั่งแทน หลังภารกิจส่งพรรคเพื่อไทยถึงฝั่งได้สำเร็จ ยืนยันลาออกครั้งนี้ ไม่ได้น้อยใจที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตารัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ แต่ก็วิจารณ์รัฐมนตรีไว้แสบสันต์ทีเดียว...*...
“เมื่อหันไปเทียบกับคนที่จะเป็นรัฐมนตรี แย่งกันเหมือนหมาแย่งชามข้าว เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อยากถามว่าพวกนี้ไปนั่งเป็นเจ้ากระทรวงไม่อายข้าราชการบ้างหรือ ยืนยันส่วนตัวไม่ได้ผิดหวัง แต่ตั้งรัฐมนตรีใครบ้าง ทั้งคนที่เคยติดคุก ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ และหน้าตาบ้องแบ๊ว”...*...
แต่ยังไง แม้ส.ส. 1 เสียงจะไม่ได้โควตารัฐมนตรี แต่เพื่อไทยก็ต้องมีตำแหน่งแห่งหนให้ กับ วีรบุรุษนาแก ที่ยังร่วมหัวจมท้ายอยู่กับรัฐบาล ไม่ปล่อยให้ไปเป็น “หองข้างแคร่” หรือไปอยู่กับฝ่ายค้าน...*...
ส่วน 3 ป.นั้น น้องเล็ก“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ตามกฎหมายจะอยู่รักษาการถึงวันที่นายกฯใหม่นำครม.ถวายสัตย์ แต่ลุงเข้าทำเนียบฯไปเมื่อวาน (31 สิงหาคม 2566) เป็นวันสุดท้าย เหลือไว้เพียงตำนานที่สร้างไว้ ทั้งเป็นหัวหน้ารัฐประหารที่เป็นนายกฯเอง และลงสู่สนามเลือกตั้งก็ได้กลับมานั่งตำแหน่งนายกฯอีก แถมอยู่บริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี รวมเวลาบริหารประเทศยาวนานถึง 9 ปี ...*...
จะว่าไป ยุค “ลุงตู่” นั้น พลิกโฉมประเทศในหลายด้าน ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าพรึ่บ บูมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ EEC นวัตกรรมบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผลักดันการช่วยเหลือมาตรการต่างๆ ผ่านแอปฯเป๋าตังค์ แก้ปัญหาสลากเกินราคาด้วยสลากออนไลน์ เป็นต้น เชื่อว่า “ลุงตู่” จะได้จะเดินตามรอย “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ ...*...
พี่กลาง “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่มายาวนาน 9 ปี เตรียมพักผ่อน ส่วนพี่ใหญ่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ลาออกจากส.ส.เหลือแค่เก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น ด้วยเหตุผลหล่อๆ ว่าทำให้ประเทศชาติมาเยอะแล้ว ทำให้พรรคบ้าง...*...
กระนั้น ศรพระราม เชื่อว่า ปลายทางของ “ลุงป้อม” คงไม่แตกต่างจาก “ลุงตู่” คือวางมือการเมือง …*…
ที่มา:ศรพระราม (01/09/66)