วันที่ 28 ส.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาผู้เหมาะสมมารับตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยอยู่ในระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยคาดว่า จะมีการพิจารณาเสร็จสิ้นภายในเย็นนี้ (28 ส.ค.)
เมื่อถามว่าส่วนกรณีที่มีกระแสว่าสส.ภาคอีสาน ไม่พอใจผู้ที่มาดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ซึ่งมาจากพรรคการเมืองอื่นนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยมีทุกพื้นที่ เรารับปัญหามาจากพี่น้องประชาชน และฟังมาโดยตลอด ซึ่งพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล มีความเข้าใจ โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้อง แต่ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องมีการทำงานและการเจรจาต่อรองร่วมกันเพื่อมีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะต้องใช้หลักในการพิจารณาร่วมกัน แน่นอนว่าบางกระทรวงที่เราคาดหวังอาจจะไม่เป็นไปตามความต้องการ
“เราขอกราบขอออภัยจริงๆ เราในฐานะไม่ใช่เสียงข้างมากเด็ดขาด เราจำเป็นต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล เรามีเพียงแค่ 141 เสียงเท่านั้น จึงจำเป็นต้องหาเพิ่มอีกมากมาย กว่าจะเป็น 314 ได้ ทำให้มีข้อจำกัด เลยทำให้ความประสงค์ที่ประชาชนต้องการ ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่ขอเรียนด้วยความเคารพ เราเป็นรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เรามมีนโยบายพรรคร่วม แต่เราจะใช้นโยบายของพรรคเราเป็นหลัก ไม่ว่ารัฐมนตรีมาจากไหนพรรคไหนก็ตาม เราได้มีข้อผูกพันตรงนี้ไว้แล้ว ในการขับเคลื่อน ส่วนนโยบายของพรรคอื่น เราจะนำมาเสริมเติมแต่งให้เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่ง สส.ของแต่ละพรรค ก็มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ลงไปสู่ประชาชนด้วย ซึ่งจะสามารถชดเชยกันได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า จะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลัก ซึ่งจะเขียนเป็นนโยบายออกมา และจะปรากฎในนโยบายของรัฐบาล ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นอะไรที่ปรากฎเป็นนโยบายของรัฐบาลจะต้องขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นกระทรวงใด พรรคใด
เมื่อถามว่าตำแหน่งรมว.กลาโหม ที่มีกระแสข่าวว่าจะเป็น นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังไม่ได้คำตอบว่าจะเป็นพลเรือน หรือคนมียศ แต่ในการทำงานยุคใหม่ กลไกการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใด ก็สามารถบริหารราชการแผ่นดินในฐานะผู้บริหารกระทรวง โดยเฉพาะรัฐบาลเพื่อไทย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสมานฉันท์และปรองดอง ลดความขัดแย้ง ฝ่ายอำนาจได้หันหน้าเข้าหากัน ก็เชื่อว่าพลเรือน ทหาร ตำรวจ ก็จะมาช่วยกันทำงานร่วมกันได้