เอาแล้ว!!! “สว.”กระพือข่าว “พท.” ส่ง“ชัยเกษม”ชิงนายกฯ ลุ้น “เศรษฐา” ผ่าน 50:50 หลังไม่มีมาตรา 112 พร้อมแบไต๋ชงญัตติเรียกโชว์กึ๋น-แจงปมที่ดิน-นอมินี

วันที่ 19 ส.ค.2566 นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวถึงกระแสข่าวที่อาจมีการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยว่า ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวบางประการที่มีการสแตนบายด์ชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯอีก2คนของพรรคเพื่อไทยไว้แล้ว สว.จึงต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช่นายเศรษฐาหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อเป็นน.ส.แพทองธารหรือนายชัยเกษมแล้วมาแจ้งสภา ในวันที่ 21 ส.ค.หรือ 22 ส.ค. สว.จะตรวจสอบคุณสมบัติ 2คนนี้ทันหรือไม่ ถ้าสว.ไม่ได้ตรวจสอบอาจไม่โหวตให้ ขณะนี้มีการหยิบชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีก 2คนขึ้นมา ไม่รู้จะเปลี่ยนชื่อในวันที่ 21 ส.ค.หรือไม่เพราะได้รับข้อมูลจากสว.หลายคนจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นนายชัยเกษม อยากให้ยืนยันเรื่องนี้ จะได้ตรวจสอบทัน ไม่ใช่มาบอกวันที่ 22 ส.ค. ดังนั้นภายในวันที่  21 ส.ค.ขอให้พรรคเพื่อไทยนำแคนดิเดตนายกฯ พร้อมนำแกนนำทุกพรรคการเมืองที่จะจับมือร่วมรัฐบาล ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคยิ่งดี มาแถลงข่าวเปิดตัวให้ชัดเจนว่า ใครคือแคนดิเดตนายกฯที่จะถูกเสนอชื่อ มีพรรคร่วมรัฐบาลใดบ้าง มีพรรค 2ลุงหรือไม่ และมีนโยบายฝ่าวิกฤติ สร้างความปรองดองอย่างไร

"ถ้ามีผู้ใหญ่ระดับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายพีระพันธ์สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมแถลงจะได้เกิดความสบายใจว่าความขัดแย้ง 2ขั้วจะเปลี่ยนเป็นความสมานฉันท์" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า  ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อนายเศรษฐาก็อยากให้เจ้าตัวมาแสดงวิสัยทัศน์วันที่ 22 ส.ค.นี้ เพื่อตอบข้อสงสัยต่างๆจะเป็นข้อได้เปรียบที่สว.จะโหวตให้อย่างสบายใจ ที่ผ่านมานายเศรษฐาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กและคลิปอย่างเดียวยังไม่ละเอียดพอ ไม่สามารถตอบเรื่องการให้รปภ.และแม่บ้านเป็นนอมินีได้ มัวแต่พูดประเด็นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่พอใจนายเศรษฐาเพราะไม่ยอมซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ ดูแล้วเป็นประเด็นนอก แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องนอมินี ซึ่งนายเศรษฐาควรมาชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดเจน แม้ข้อบังคับการประชุมไม่บังคับให้ผู้ถูกเสนอชื่อมาแสดงวิสัยทัศน์แต่ไม่แน่ว่าสว.อาจเสนอญัตติต่อที่ประชุมให้นายเศรษฐามาแสดงวิสัยทัศน์ ถ้าฝ่ายสส.คิดว่าไม่จำเป็นอาจเป็นข้อเสียเปรียบนายเศรษฐาเอง ขณะนี้น่าประหลาดใจที่วันที่ 22 ส.ค. มีสส.ก้าวไกล ขออภิปรายแค่ 2คน 30 นาที พรรคใหญ่แทบจะไม่มีใครขออภิปรายเลย พรรคเล็กขออภิปรายคนละ 7นาที ส่วนสว.ขออภิปราย 2ชม. ดูแล้วฝ่ายสส.อภิปรายแค่30-60นาทีก็จบแล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้เสียงตั้งรัฐบาลมี 314 เสียง ขาดอยู่ 60 กว่าเสียง ทำให้สว.ที่ไม่มีเงื่อนไขแก้มาตรา112 จะโหวตให้ รวมถึงสว.ที่บอกจะโหวตให้พรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ สว.2 กลุ่มนี้มีอยู่ 20 กว่าคน เมื่อรวมกับกลุ่มสว.ที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วก็อาจโวตเพิ่มให้ รวมแล้วคงได้เสียงใกล้เคียง 60คน

"แต่อาจมีสว.บางส่วนยังติดใจคุณสมบัตินายเศรษฐาที่ยังชี้แจงข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินได้ไม่ชัดเจน อาจไม่โหวตให้ โอกาส ณ ตอนนี้อยู่ที่ 50-50 ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการช่วง 2-3 วันนี้ของพรรคการเมือง แต่โอกาสมีมากขึ้นกว่าตอนเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ"นายสมชาย กล่าว