“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...

“หนูเปล่านา เขามาเอง” เสียงเพลงราชินีลูกทุ่งของ “แม่ผึ้ง” พุ่มพวง ดวงจันทร์ ดังคลอไปกับบรรยากาศการเมืองยามนี้ ในเกมยึดทำเนียบฯของ พรรคเพื่อไทย...*...

ไม่ว่าจะเป็นเสียงจาก “ไผ่ ลิกค์”  พลังประชารัฐ หรือ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รวมไทยสร้างชาติ ที่บอกจะร่วมขบวนกับเพื่อไทย ก็ล้วนแต่ไม่ได้ออกมาจากปากของแกนนำระดับ  “ตัดสินใจ” หรือสายคอมมานด์ ...*...

แต่ลึกๆก็เชื่อกันว่า เจรจากันมาแล้ว ทั้ง 2 พรรค แต่แค่ไม่เปิดตัวว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแค่นั้น ด้วยเกมโหวตนายกฯ ยิ่งลากยาว  2 พรรคมีโอกาสแก้เกมเพื่อไทย หลังจากที่เพื่อไทยชิงทิ้งไพ่วัดใจ “โหวตก่อน ผ่อนทีหลัง” เพื่อลดอำนาจการต่อรองของทั้ง 2 พรรค ด้วยโควตารัฐมนตรี ที่ทับซ้อนกันอยู่ แต่ก็ไม่มีใครเค้าทำกัน เพราะต้องจัดสรรเก้าอี้ให้ลงตัวก่อนโหวตนายกฯ..*...

ซึ่งหากดูตัวเลขอย่างเป็นทางการ ขณะนี้รัฐบาลผสม 9 พรรค 238 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย  141 พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และพรรค 1 เสียงคือ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทยนั้น ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาฯ ...*...

ต่อให้พรรคประชาธิปไตยใหม่ประกาศเทเสียงให้ อีก 1 เสียง ก็ไมเป็นผล ฉะนั้นจึงต้องเอาพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคใดพรรคหนึ่งหรือทั้ง 2 พรรคเข้ามาร่วมด้วย ที่พลังประชารัฐมี 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติมี 36 ซึ่งทั้ง 2 พรรคจะมีเสียงสนับสนุนของส.ว.พ่วงตามมาด้วย ซึ่งก็จะทำให้ ทะลุด่านของส.ว.ไปได้ ...*...

นั่นหมายความว่า จะมีรัฐบาลผสมอย่างน้อย 11 พรรค หรือ 12 พรรค ซึ่งครม.มีแค่ 36 คน ก็ต้องมาเฉลี่ยหารแบ่งกัน แต่ที่แน่ๆ สะท้อนความหวาดหวั่น ก็ตรงที่ ภูมิธรรม เวชยชัย   รีบออกมาขวางการแต่งตั้งโยกย้ายให้รอรัฐบาลใหม่นั่นแหละ เพราะหัวใจหลักก็คือการแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพ  ที่เพื่อไทยศึกษาบทเรียน  สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ที่แม้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะนั่งควบเก้าอี้นายกฯและรมว.กลาโหม แต่ก็ยังถูกทำรัฐประหาร...*...

กระนั้น ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 16 ส.ค.นี้จะเป็นอย่างไร หากไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินฯปมโหวตชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซ้ำ ก็จะทำให้กระบวนการโหวตนายกฯเดินหน้าต่อ นั่นหมายถึงรัฐบาลใหม่จะเริ่มเป็นรูปร่าง แต่ในทางกลับกันหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ไม่ว่าจะสั่งคุ้มครอง “พิธา” หรือไม่อย่างไร แต่จะกระทบโหวตนายกฯให้ต้องลากยาวออกไปอีกจนกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ถึงตอนนั้น เป็นหมากบังคับให้การแต่งตั้งผบ.เหล่าทัพย่อมรอรัฐบาลใหม่ไม่ได้  …*…

ที่มา:ศรพระราม (15/08/66)