กรมการข้าวชี้แนะการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างเหมาะสม เพื่อการผลิตข้าวให้ได้คุณภาพตามที่เกษตรกร และตลาดต้องการ

วันที่ 14 ส.ค.66 นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในการที่จะปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตดี มีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งคุณภาพของดิน ปริมาณน้ำ และเทคโนโลยี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เมล็ดพันธุ์ดีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชและได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด กรมการข้าวจึงได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนไปใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ที่ผลิตและจำหน่ายโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อยกระดับปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าว ให้ตรงกับความตามความต้องการของตลาด เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ 
ในพื้นที่ของศูนย์ข้าวชุมชนบ้านขามป้อม ตำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เป็นพื้นที่ที่เกษตรกรได้มีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง แต่ในบางฤดูการผลิตข้าว เกษตรกรประสบปัญหาด้านเมล็ดพันธุ์พืชที่มีคุณภาพในการเพาะปลูก ทางด้านกรมการข้าวจึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรผ่านโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว ปี 2566

ด้านนายสมัย โง๊ะบุดดา ประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านขามป้อมตำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านขามป้อมตำบลขามป้อม เกษตรกรสมาชิกในกลุ่มมีการปลูกข้าวเหนียว (กข6) และข้าวหอมมะลิ (ขาวดอกมะลิ 105) เกิดปัญหาข้าวพันธุ์ปน มีวัชพืชปะปนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นข้าวมีการเจริญเติบโตที่ไม่อุดมสมบูรณ์ เมื่อนำไปจำหน่ายก็จะถูกกดราคาต่ำลง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้เกษตรกรไม่มีกำไรจากการจำหน่ายข้าว ทางด้านศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น เป็นอีกหนึ่งศูนย์ที่ได้เข้ามาดูแลสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น ให้มีการผลิตข้าวคุณภาพ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่นได้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้กับศูนย์ข้าวชุมชนฯตามความต้องการของเกษตรกรในราคาที่ช่วยลดต้นทุนและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อเมล็ดพันธุ์ อาทิ ข้าวหอมมะลิ (ขาวดอกมะลิ 105) กิโลกรัมละ 5 บาท และข้าวเหนียว (กข6) กิโลกรัมละ 4 บาท จึงทำให้เกษตรกรมีความเชื่อมั่นเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีที่มาจากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น ซึ่งได้รับการันตีจากกองเมล็ดพันธุ์ กรมการข้าว อีกทั้งยังนำมาจำหน่ายผ่านโครงการฯ นี้ในราคาถูก เกษตรกรจับต้องได้ ซึ่งจากเดิมเกษตรกรจะต้องมีต้นทุนในการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวกระสอบละ 600-625 บาท (กระสอบละ 25 กิโลกรัม) แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการฯ เกษตรกรลดต้นทุนได้สูงสุดมากถึง กระสอบละ 475-500 บาท (กระสอบละ 25 กิโลกรัม) ทำให้เป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างมาก

สำหรับโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แก่เกษตรกร เกษตรกรสามารถเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสำหรับใช้เพาะปลูก และยกระดับการผลิตข้าวให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น กรมการข้าวจึงได้มีการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจ ที่กรมการข้าวได้มุ่งเน้นส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึง และได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชุมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก และขยายพันธุ์ ซึ่งในปีนี้กรมการข้าวมีเป้าหมายการดำเนินการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี อีกทั้งยังเป็นการยกระดับปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าว ให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้