เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
รัฐบาลมิจฉาชีพ
.
อันการเมืองยุคนี้ เสมือนหนึ่งเรื่องหลอกลวงของ “แก๊งคอลเซนเตอร์” ไม่ผิดเพี้ยน
.
แสร้งตีหน้าเศร้าเล่าต่อสาธารณชนว่า แสนเป็นห่วงบ้านเมืองวิกฤต เศรษฐกิจย่ำแย่ ปากท้องของพี่น้องต้องไปดูแล
.
ต้องมีรัฐบาลอย่างเร่งด่วนไม่งั้นประเทศจะเสียหาย
.
แต่ธาตุแท้กล้าเอา “อุดมการณ์” เร่ขาย เพื่อแลกกับการกลับบ้านของคนเพียงคนเดียว
.
ด้วยขบวนการนโยบาย “เทคนิคหลอกประชาชน”
.
ดั่ง “แก๊งคอลเซนเตอร์” ที่ใช้การหลอกพ่อแม่ว่าลูกถูกทำร้าย ให้โอนเงินมาให้
.
ที่จริงลูกไม่รู้เรื่อง แต่สร้างเรื่องขึ้นมา
.
นักการเมืองก็ใช้ “พรรคการเมือง” เป็นสถานที่ และโลโก้ เพื่อลวงให้ประชาชนหลงเชื่อจนไปลงคะแนนให้
.
แต่พอได้อำนาจ ที่เคยบอกว่า “ต่อต้านเผด็จการ” กลับไปเจือสมกับซากเผด็จการเสียเองจนสำเร็จความใคร่
.
แล้วดันให้ “นายกฯ นอมินี” ผ่านกระบวนการฟอกขาว
.
จึงถือได้ว่าไม่ได้เป็น “รัฐบาลของประชาชน” แต่เป็น “รัฐบาลมิจฉาชีพ” โดยแท้
.
เพราะหลอกล่อ สร้างเรื่อง ปล้นคะแนนประชาชนมา
.
แล้วยังเอาคะแนนประชาชนไปร่วมกันทำอุบายกับผู้ที่เคยยึดอำนาจ
.
เสมือนหนึ่งการกระทำของมิจฉาชีพต้มตุ๋น พฤติการณ์จึงไม่ได้แตกต่างกัน กลับแย่กว่าเสียด้วยซ้ำ
.
เพราะเป็นการกระทำที่เปิดเผยโล่งโจ้งต่อหน้าธารกำนัล
.
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบง่ายอย่างที่นักการเมืองมิจฉาชีพปรารถนา
.
อันเนื่องมาจากการสะดุดขาตัวเองบนบันไดขั้นสุดท้ายก่อนขึ้นสู่อำนาจสูงสุด
.
วันอังคารที่ 15 สิงหาคม จะเปิดเผยพฤติกรรมของบุคคลที่กำลังขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น
.
เพราะฉ้อฉลปล้นเงินผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน
.
จึงถือเป็นเกียรติยศยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของผม
.
ที่ได้แฉเพื่อชาติ “กระชากหน้ากากคนโกง เปิดโปงคนชั่ว ไม่เกรงกลัวอิทธิพล”