วันที่ 9 ส.ค. 66 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการระบุว่า มีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง ว่า เป็นข้อเท็จจริงที่เรามีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็มีเสียงที่รวบรวมได้แล้ว 238 เสียง รวมพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว
เมื่อถามว่าหากไม่เอาพรรค 2 ลุง จะมีการพูดคุยกับสมาชิกหรือสส. ที่อยู่พรรคเหล่านั้นอย่างไร ในการขอเสียงสนับสนุน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันที่ 10 ส.ค. ที่จะถึงนี้ เราจะมีการแถลงเพิ่มเติมในส่วนของพรรคที่เหลืออยู่อีก ซึ่งจะพยายามบอกกับประชาชนให้เร็วที่สุด โดยคาดจะสามารถรวบรวมเสียงได้ และจะจบภายในสัปดาห์นี้
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เราได้เปิดโอกาสขอความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย และเข้าไปประสานพูดคุยกัน ว่าเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน หากท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง เกิดการสลายขั้ว เกิดการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ เราก็ยินดี นี่คือแนวทางที่เราวางไว้สำหรับการขอเสียงสนับสนุน
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เราเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะนี้เราได้เริ่มกระบวนการดึงพรรคต่างๆ และได้เจรจากับพรรคต่างๆ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ เราจะมีการหารือกับพรรคก้าวไกล และในวันที่ 10 ส.ค.จะมีการหารือกับพรรคชาติไทยพัฒนา และยังมีอีกหลายพรรค ซึ่งตนคิดว่า จะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เรายืนยันว่าเรามีความชอบธรรม เสียงเราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ขณะนี้ปัญหาของเรา คือการพยายามทำให้ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน มีส่วนร่วม ตนเรียนไปแล้วว่ารัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลพิเศษในสถานการณ์ที่มีวิกฤตต่างๆ 3 ด้าน ทั้งรัฐธรรมนูญปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาความขัดแย้ง เราต้องการให้รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลที่เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่จากความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายตลอดเวลาเกือบ 20 ปี
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้น วันนี้ตนจึงบอกว่าหากเป็นบุคคล ก็เป็นคำร้องขอจากเรา ไม่ใช่กระบวนการใดๆ หรืองูเห่า เพราะเป็นเพียงกลุ่มบุคคล ไม่ได้ทำลายกระบวนการต่างๆ ที่เคยเป็นมา สิ่งที่เราต้องการวันนี้ต้องคิดภราดรใหม่ ไม่อย่างนั้นจะเราพ้นและฝ่าวิกฤตไม่ได้ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ไปเราคุยกับทุกคน ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะสส. แต่รวมถึงสว. ด้วย เนื่องจากต้องรวมเสียงให้ได้ถึง 375 เสียง เพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกติกาทั้งหมดทุกอย่าง และเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ
ทั้งนี้ ทุกพรรคที่แถลงร่วมกับเรา ยืนยันที่จะยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งหากโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย พรรคเพื่อไทยจะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุยกัน และนโยบายนั้นก็ไม่ได้เป็นนโยบายที่จำกัดเฉพาะนโยบายของรัฐบาล หากฝ่ายค้านมีนโยบายที่ดี และมีประโยชน์ เราพร้อมจะนำมาทำ เราอยากจะสร้างการเมืองมิติใหม่ พรรคฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเห็นพ้อง หรือเห็นต่างกันทุกเรื่อง สิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ พรรคเพื่อไทย และพรรคแกนนำร่วมรัฐบาลทั้งหมดยินดีที่จะทำ และผลักดันในเรื่องที่เสนอมา หากเราเห็นเป็นประโยชน์ เราทำ เรายืนยันชัดเจนว่า นโยบายหรือข้อเสนออะไรที่ไปกระทบเกี่ยวพันกับสถาบันหลักของประเทศ เราไม่แตะต้อง และการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เราไม่สนับสนุน นอกเหนือจากนี้ เราจะดำเนินการเพื่อให้วาระของประเทศและประชาชนประสบความสำเร็จ
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสที่สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ จะเข้าร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกบุคคล เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ ในส่วนของการร่วมรัฐบาลเราจะดำเนินการตามที่เราได้แถลงไปแล้ว สำหรับพรรคข้างต้น เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า ทุกพรรคทุกฝ่ายที่ระบุข้างต้นรวมถึงพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ เพราะเคยมีแกนนำออกมาแสดงความกังวล ว่าหากพรรคก้าวไกลโหวตให้ จะทำให้สว.ไม่มั่นใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามีข้อจำกัดอย่างมากกับการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลดังที่ปรากฏไปแล้ว เราได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลถึง 2 ครั้งในรัฐสภา ซึ่งก็ไม่ได้รับความเห็นชอบ ซึ่งเมื่อพรรคก้าวไกลได้มอบภารกิจให้เราแล้ว สิ่งที่เราทำคือการพยายามแสวงหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด แต่เราเองก็เคารพเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลในการที่จะมาสนับสนุนในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้เราหรือไม่ ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา แต่เราก็ปรารถนาจากทุกพรรคทุกส่วน ถ้าสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วทำให้สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ก้าวเข้าสู่ความเรียบร้อย ปิดจุดอ่อน ปิดวิกฤตต่างๆ ได้ เราก็ยินดีอย่างยิ่ง ถ้าพรรคก้าวไกลเองจะมาร่วมกับเราในมุมนั้น ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง เราเองก็มีนโยบายที่จะใช้ในการทำงานร่วมกัน ให้เป็นการเมืองมิติใหม่ เราสามารถร่วมมือกันได้ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในกฎหมายที่สำคัญๆ ทั้งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างต่างๆ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในส่วนของความกังวลใจของสว.นั้น เรามั่นใจว่าแนวทางที่เราทำไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้สว.มีข้อกังวล เพราะ 1.เราไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เราพูดชัดเจนแล้ว หากจะทำงานร่วมกันก็ต่างสถานะ เป็นฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน 2.คือการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เราพูดชัดเจนแล้ว ว่าไม่มีในแนวทางนโยบายที่เราจะดำเนินการ ซึ่งความเป็นความชัดเจนที่สว. จะไว้ใจ และให้เสียงสนับสนุนเราได้
นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ มีพรรคการเมืองตามเท่าที่ปรากฏ ส่วนกรณีของพรรคก้าวไกล หรือพรรคอื่นๆ สิ่งที่เราต้องการคือการสนับสนุนให้เราเป็นแกนนำ และมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยให้สำเร็จ ซึ่งเราได้ยืนยันกับพรรคร่วมที่มาร่วมกัน ว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลที่รวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง และเรากำลังทำให้เห็น
นอกเหนือจากนั้น เราไม่ได้มีเฉพาะพรรคการเมืองอย่างเดียว เพราะในทุกพรรคการเมืองความเห็นที่แตกต่างกัน เราอยากให้เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ในการเข้ามาร่วมกับเรา ไม่ใช่กระบวนการแย่งคนจากพรรคเหมือนในอดีต แต่เป็นเอกสิทธิ์ของทุกคน
“เราต้องการความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เรื่องที่บาดหมางใจ การมีความขัดแย้งกัน ถ้ายึดประโยชน์ของประเทศ เรื่องเหล่านั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ผ่านพ้นไปได้ อะไรที่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมต่างๆ ได้ทำกระทบกระทั่งต่อกัน หรือทำให้มีความรู้สึกไม่สบายใจต่อกัน คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก พรรคเพื่อไทยเรายินดีที่จะขอโทษกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้ามันเป็นเรื่องที่เป็นปัญหา แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราอยากได้ความร่วมมือเพื่อทำให้ประเทศพ้นวิกฤต” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า หากสส. ของพรรคไม่โอเคในการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค.เราได้เปิดเวทีให้สส. ได้พูดคุยเปิดอก เปิดใจ อย่างเต็มที่ ฟังทุกเสียง ทั้งทางบวก และทางลบ ซึ่งเท่าที่ฟังไม่มีสมาชิกหรือสส.คนใด แสดงแนวคิดที่ไม่เห็นด้วย ถึงขั้นที่จะย้ายขั้ว มีเพียงข้อห่วงใย เหมือนกับประเด็นทั่วๆ ไป ที่เราใช้เป็นแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเอกภาพ ทุกคนรับกับสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ได้ ตนสงสารสส. เพื่อไทย เพราะบางครั้งพวกเขาก็รับเสียงกดดันจากคนในพื้นที่ แต่ทุกคนก็บอกว่ามีกำลังใจ และพร้อมที่จะชี้แจงกับพี่น้องประชาชน ถึงเป้าหมายที่สำคัญ คือจะทำอย่างไรให้เราเป็นรัฐบาลของพี่น้องประชาชน เพื่อแก้วิกฤตปากท้องและความขัดแย้ง
นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันด้วยว่า สส.พรรคสนับสนุนและให้กำลังใจทีมเจรจาทั้งหมด ให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทุกคนรู้ว่าแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ทุกคนจะทำหน้าที่ของตนเองในการชี้แจงกับพี่น้องประชาชน ในทุกเขต ทุกพื้นที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคนอยากให้เราบรรลุเป้าหมายในการทำกิจกรรมทางการเมือง และนโยบายทางการเมืองในครั้งนี้อย่างเต็มที่ รัฐบาลนี้ไม่สามารถคิดแบบเดิมได้ไม่สามารถทำอย่างในอดีตได้ ที่แค่จับมือกันไม่กี่พรรคการเมือง แล้วจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เลย วันนี้เราใช้การมีส่วนร่วมของสมาชิกค่อนข้างเต็มที่ ซึ่งเราเจรจากันตามระบบ บางส่วนมาเป็นกลุ่ม บางส่วนมาเป็นบุคคล หากเข้าใจในจุดหมายร่วมกัน ก็เป็นตาม วันนี้เรายังพูดชัดเจนทั้งหมดไม่ได้
“เรายังต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เข้มแข็ง เพื่อจะทำให้การผลักดันนโยบายทั้งหมดเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นหากคิดภารดาใหม่ อยากให้ท่านช่วยกันเข้าใจ ในวิกฤตของประเทศในครั้งนี้ และสนับสนุนสิ่งนี้ เราอยากให้ทั้งสส. และสว. ใช้เอกสิทธิ์ของตนเองให้เต็มที่ หากคิดจากหลักการนี้ก็จะไม่มีข้อจำกัด จะมามองว่าพรรคนั้นพรรคนี้จะมาก็คงจะไม่ถูกต้อง อาจมีเพียงแค่บางกลุ่มบางคนมา แต่ทั้งหมดมาเพื่อวาระและการแก้ไขปัญหาประเทศให้พ้นวิกฤต” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะย้ายไปอยู่กับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนเห็นและเพิ่งทราบจากสื่อ แต่ในมุมของตนไม่ได้มีการพูดคุยกัน จากการประชุมก็ไม่มีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด นายภูมิธรรมกล่าวยืนยันว่า ในที่ประชุมนายจาตุรนต์ยังสนับสนุน ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการในแนวทางนี้ ต่อไป พร้อมย้ำว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีปัญหานั้น
เมื่อถามว่ทขณะนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรียังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน เหมือนเดิมใช่หรือไม่ หากนายเศรษฐาโหวตไม่ผ่านในรอบแรก จะเสนอชื่อใครขึ้นมาแทน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังเป็นนายเศรษฐาทวีสินเช่นเดิม เรามั่นใจว่าไม่มี “ถ้า” ต้องผ่าน นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า เราได้ตรวจสอบกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดแล้ว สิ่งที่นายเศรษฐาได้กระทำในอดีตที่ผ่านมา ผ่านกระบวนการคัดสรรของพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่มีเหตุอะไรที่เป็นปัญหาทั้งทางกฎหมายหรือใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของจริยธรรมก็ไม่มี
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะไปง้อพรรคก้าวไกลให้โหวตนายกรัฐมนตรีให้ แต่ไม่ให้เข้าร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จุดยืนสุดท้ายชัดเจนแล้ว ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน เพียงแต่เราจะทำงานการเมืองร่วมกัน ในลักษณะที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนกำลังพูดถึงเรื่องแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน ไม่ใช่การร่วมรัฐบาล โดยเราจะทำทุกทาง วันนี้เราทำตามวาระของประเทศที่เรากำหนด และทิศทางที่เราเดิน ไม่มี “ถ้า” เพราะถ้ามี “ถ้า” เราจะไม่สามารถทำงานอะไรได้เลย
เมื่อถามว่า คิดว่าจะได้รับความร่วมมือจากพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่คิด เราพยายามจะไปทำงานในวันนี้ จะเป็นอย่างไรเราไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ถ้ามองข้ามช็อตหากวันโหวตนายกรัฐมนตรีได้เสียงสนับสนุนไม่เพียงพอจะทำอย่างไรต่อไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นฉากทัศน์ที่สมมุติขึ้น เราไม่อยากให้สมมติขนาดนี้ เพราะเราอยู่บนพื้นฐานความมั่นใจ ก่อนที่จะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี เราต้องทำงานให้จบ