นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน  เมื่อวันที่ 5 ส.ค.66 ตอน "ขยับ?" ระบุว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยขยับตั้งรัฐบาลจึงทำให้เห็นตรรกเพี้ยนๆ หวังอธิบายเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ที่สำคัญไม่มีสำนึกของประชาชนหลงเหลืออยู่ ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยเป็นบริษัท พฤติกรรมทางการเมือง ย่อมชวนให้คิดว่า เจ้าของกำลังจะปิดกิจการหรือไม่?

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทย 141 เสียงแถลงกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียงจับมือตั้งต้นเริ่มตั้งรัฐบาล 212 เสียง อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคหมูสนามทางการเมือง โดยจะเห็นว่า ยังยึดหลัก "3 ไม่" ร่วมรัฐบาล คือ ไม่แก้ ม.112 ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่เอาพรรคก้าวไกล ซึ่งหลักการนี้พรรคภูมิใจไทยพูดย้ำเหมือนเดิมถึง 3 ครั้งแล้ว 

สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมพรรคภูมิใจไทยต้องมาแถลงจับมือกับพรรคเพื่อไทยเริ่มต้นตั้งรัฐบาลด้วยกัน นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการมาเพื่อล็อคล้อพรรคเพื่อไทยให้อยู่คาที่ไว้ เนื่องจากเริ่มมีเสียงเสนอให้เพื่อไทยเมื่อไปข้างหน้าไม่ได้ ก็กลับไปร่วมกับพรรคก้าวไกลตามเดิม 

นายจตุพร มองว่าพรรคเพื่อไทยมีหลักยึดไม่เหมือนเดิม พิจารณาจากการอธิบายทางการเมืองด้วยตรรกเพี้ยน โดยเปลี่ยนยุทธการไล่หนูตีงูเห่า เป็นเพียงเทคนิคให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเท่านั้น ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เท่ากับขอโทษภูมิใจไทยกลายๆ นั่นเอง และการพูดเช่นนี้ย่อมเป็นความฉิบหายอย่างหนักของเพื่อไทยแล้ว

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังคาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้เสียงไม่เกิน 250 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ต้องฝ่าด่านปัญหาระหว่างพรรคยากจะมาร่วมได้ราบรื่น ย้ำไม่มีพรรคสองลุงมาร่วม ก็ไม่ได้เสียง สว.

ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน