"เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" แถลงจัดตั้งรัฐบาล  212 เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว  "อนุทิน"  ไม่เกี่ยงหากไร้ "พรรคสองลุง" ก็พร้อมจับมือต่อ  ลั่นถอนฟ้อง "เศรษฐา" โจมตีนโยบายกัญชาแล้ว "ภูมิธรรม" แย้มสัปดาห์นี้มีพรรคการเมืองตบเท้าร่วมตั้งรัฐบาลเพิ่ม 

วันที่ 7 ส.ค.2566 เวลา 16.35 น. ที่พรรคเพื่อไทย  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงจัดตั้งรัฐบาล

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการมาครั้งที่ 2 ขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ให้เกียรติเชิญพวกเรามาพบกันที่นี่เพื่อหารือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ พรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับมคำเชิญในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่าไม่ขัดข้องที่จะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลัก 3 ประการคือไม่แตะต้องมาตรา 112  ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ซึ่งแนวทางทั้ง 3 พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นวันนี้เป็นต้นไปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าต่อไปมีอุปสรรคน้อยที่สุด พรรคภูมิใจๆให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่าขณะนี้ถ้าไม่เชิญพรรคอื่นมาหารือ พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคือ 141  บวกกับ เสียง 71  ได้ 212  มั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีส.ส.เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ  

ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วและได้รับสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยแล้วเราก็จะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนทั้งจากส.ส.และวุฒิสภา เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้แงช่วยกันทำงานให้ได้เสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ต้องทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศไทยของเรา ส่วนการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯพรรคภูมิใจไทย ต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่จะนำเสนอผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯให้ของสมาชิกรัฐสภาในวันเวลากำหนดที่ประธานรัฐสภาจะนัดประชุม

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าไม่มี 188 เสียงแล้ว หมายความว่าอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า คำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่มีความมั่นคง ไม่มีประโยชน์ คำว่า 188 เสียง จึงไม่มีในสมการจัดตั้งรัฐบาล
    
เมื่อถามว่า การจับมือกับพรรคเพื่อไทยจะมีพรรคลุงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีเพียง 3 เงื่อนไข ส่วนอื่นเป็นดุลยพินิจของพรรค พท. ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่นอกเหนือจาก 3 ประการ เราคงไม่มีปัญหาอะไร
   
เมื่อถามว่า การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะจับมือกันจนกว่าจะได้นายกฯ ไม่มีการเปลี่ยนขั้วแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เพื่อประเทศชาติ การพูดอะไรผูกมัดเกินไปอาจทำให้เกิดทางตัน วันนี้เอาบ้านเมืองเป็นหลัก เชื่อว่าจะเดินไปได้

เมื่อถามว่า ได้มีการถอนฟ้องกรณีพรรค ภท. ฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีที่ปราศรัยโจมตีนโยบายกัญชาว่ามอมเมาประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า “ถอนไปแล้วครับ”

ด้านนพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่รับคำเชิญมาแถลงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน อาจจะผิดธรรมเนียมบ้างต้องขออภัยปกติจะ ส่งเทียบเชิญไปที่พรรคภูมิใจไทย แต่สถานการณ์จำเป็นเร่งด่วนเพื่อความชัดเจน พรรคภูมิใจไทยให้เกียรติพวกเราอย่างสูงยิ่งมาพบปะกันที่นี่และแจ้ง สื่อมวลชนและประชาชน ในนามพรรคพรรคเพื่อไทยต้องขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่ตอบรับคำเชิญ ในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะวิกฤตในรัฐธรรมนูญ ที่เป็น เดทล็อคและเป็นเงื่อนไขให้พวกเรามีความยุ่งยาก ในการจัดตั้งรัฐบาล เงื่อนไขข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย 3 ประการเรารับได้และไม่ถือเป็นแนวทางที่เราแถลง และขอบคุณ อย่างสูงยิ่งคำว่า 212 เสียง ของพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทยจะเป็นเสียงตั้งต้นที่จะเริ่มดำเนินการในการจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเป็นเสียงค่อนข้างมากถ้าสองพรรคมารวมกัน ประเด็นข้อกังวลของหลายฝ่ายมีข้อห่วงใย

จากนั้นนพ.ชลน่าน ได้อ่านคำแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย  พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว  รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น 
 
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ 
 
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้ 1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร. 3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง

4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้  5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้

เมื่อถามว่าจะมีพรรคไหนร่วมรัฐบาลอีกบ้าง และมีเงื่อนไขอะไรอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะพบปะกันทั้งหมด จะมีการทาบทามพรรคอื่นๆ มาร่วมรัฐบาล 

เมื่อถามว่าโฉมหน้ารัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลสมานฉันท์หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ประชาชนได้ การหันมาเข้าหากันตั้งรัฐบาลจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่าจะมีการจับมือกับพรรคสองลุง และให้พรรคก.ก. ไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในแถลงการณ์บอกชัดเจนว่าไม่มีสองลุง แต่ไม่ปฏิเสธเงื่อนไข ถ้าจะสส. สว. เป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมาสนับสนุนนายกฯของพรรค พท. ถือเป็นเอกสิทธิของแต่ละบุคคล  

เมื่อถามว่าจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไรถึงการจับมือร่วมกันระหว่างพรรค ภท. กับพรรค พท. และพรรค ภท. จะต่อรองขอคุมกระทรวงเดิมหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียดเรื่องการต่อรองกระทรวงแต่ทุกฝ่ายต้องกันหน้าเข้าหากัน ส่วนทีผ่านมาในการหาเสียงที่ พรรค พท. และพรรค ภท. อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เช่น กรณีไล่หนูตีงูเห่า ถือเป็นวิถีการหาเสียง แต่พรรค พท. ไม่เคยประกาศเป็นศัตรูกับใคร เป็นเทคนิคการหาเสียงที่ทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมือง หลังจากประชาชนมอบอำนาจให้เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องมาทำตามมติของประชาชน ถ้าสามาถร่วมทำงานกันได้ ก็มาเป็นรัฐบาลร่วมกันได้ 

เมื่อถามว่า ส่วนแคนดิเดตนายกฯยังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน อยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สื่อรับรู้ทั่วไปว่าเป็นเช่นนั้น และยืนยันว่ายังเป็นนายเศรษฐาอยู่

เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าพรรค พท. กับพรรค ภท. จับมือด้วยกันไปได้ตลอด ถ้าเทียบการจับมือของพรรค พท. และพรรค ก.ก. ในช่วงที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลมีข้อกำจัดตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ยึดเอาเสียงของประชาชนเป็นหลัก เพราะการเลือกนายกฯต้องอาศัยเสียง สว. ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลจากพรรค ก.ก. ได้ เพราะเราไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก สว. และพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชน ส่วนการจับมือกับพรรค ภท. นั้น พรรค ภท. ได้เสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับสาม และพรรค ภท.​ พรรค พท. มีเสียงสนับสนุนจากประชาชน ถือเป็นความเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง เราเชื่อมั่นในการจับมือกับพรรค ภท. ว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ เชื่อมั่นว่าจับมือกับพรรค ภท. มีโอกาสสูงที่จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า ในเกือบทุกวันของสัปดาห์นี้จะเห็นภาพการจับมือตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองเพิ่มขึ้น และไม่ได้ปิดโอกาสเสียงจากรายบุคคลที่จะสนับสนุนนายกฯ พรรค พท. ขอให้มั่นใจว่าจะมีเสียงสส. สนับสนุนเกินครึ่ง ส่วนการขอเสียงสว. อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีทุกส่วน