เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7 ส.ค. 66 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค
โดยนายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนและผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย ได้มาที่พรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ต้องขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้เกียรติและประสานงานพวกเราเพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยที่มีพรรคเพื่อไทนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยตอบรับ เนื่องจากการหารือเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันกับพรรคเพื่อไทยแล้วว่าไม่ขัดข้องในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลักการสามประการ 1.ไม่แตะต้องกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งเรื่องการแก้ไข หรือการแตะต้องใดๆก็แล้วแต่ 2.ไม่เป็นและไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
3.หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ได้รับทราบจากพรรคเพื่อไทยแล้วว่าเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าต่อไป โดยมีอุปสรรคน้อยที่สุด พรรคภูมิใจไทยจึงได้ให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า ณ ขณะนี้ หากยังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้ถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และมี 212 เสียง หรือคือ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย บวกกับ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเมื่อมีการเชิญพรรคอื่นๆ ตามดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย มาเพื่อพูดคุยหารือ และทำให้พรรคอื่นๆ มั่นใจว่าเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ซึ่งขณะนี้ เราได้รับการแจ้งจากพรรคเพื่อไทยว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่อยู่ในแผนภายใต้แกนนำของพรรคเพื่อไทย มีสส. เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย และระบอบรัฐสภา ดังนั้น เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ถ้าเราได้รับสัญญาณที่ชัดเจนแล้ว เราจะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจากทั้งสส. และสว. เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศไทย
ในเรื่องการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยจะต้องปฎิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ผ่านการคัดเลือกของสมาชิกรัฐสภา ในวันและเวลาที่กำหนด ตามที่ประธานรัฐสภาจะเห็นควรนัดแนะ
ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในนามพรรคเพื่อไทยต้องขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่รับคำเชิญในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤตรัฐธรรมนูญที่เป็นเดดล็อก และเงื่อนไขให้พวกเรามีความยุ่งยากมากในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชน เงื่อนไขและข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยสามประการหลักเรารับได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่เราได้แถลงและดำเนินการไปแล้ว
“ต้องขอบคุณ 212 เสียงของเพื่อไทยและภูมิใจไทย เป็นเสียงตั้งต้นจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าค่อนข้างมาถ้าสองพรรคเรารวมกันแบบนี้ ประเด็นข้อสงสัยหรือข้อกังวลต่างๆ ที่หลายคนหลายฝ่ายมีข้อห่วงใยอยู่จะถูดตัดขาดลงไป ไม่มีคำว่า 188” นพ.ชลน่าน กล่าว
จากนั้น นพ.ชลน่านได้อ่านคำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้