เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 3 ส.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานรัฐสภาเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญประเด็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำ ว่า ทางประธานรัฐสภาคงอยากให้ทุกอย่างมีความชัดเจนจะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายภาคหน้า จึงสั่งการให้มีการเลื่อนญัตติการเลือกนายกฯไปก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนจะมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ทาง ภท.ได้มีการถูกทาบทามร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างเป็นทางการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีการนัดพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้ทราบว่าจะคุยแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ที่นัดเอาไว้บ่ายวันนี้จึงมีการยกเลิกนัดแล้วเลื่อนออกไปก่อน โดยทาง พท.ได้โทรศัพท์ประสานงานเพื่อแจ้งว่าที่นัดกันไว้นั้นขอเลื่อนออกไปก่อน

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการโหวตนายกฯ จะเกิดความไม่ราบรื่นอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนอยากให้มีความชัดเจน พอมีการยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องต่างๆ เพื่อความชัดเจน เขาจึงอยากให้มีการชี้ขาดออกมาเสียก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป 

เมื่อถามว่า ถือว่าดีหรือไม่ เพราะจะได้เปิดโอกาสให้ พท.มีเวลาในการเจรจากับพรรคต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า จะถือว่าดีไม่ได้ เพราะรัฐบาลใหม่ควรจะได้รับการจัดตั้งโดยเร็ว เลือกตั้งมาจะครบ 3 เดือนอยู่แล้ว และรัฐบาลรักษาการก็ทำอะไรไม่ได้ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจเต็ม จึงอยากให้มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการได้เข้ามาทำงานให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง ภท.ยังมีคำถามและสงสัยอะไรในตัวนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพท.อยู่หรือไม่ เพราะทางนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาแฉข้อมูลเรื่องต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า ภท.ได้แจ้งพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปแล้วว่าเรามีแนวทางอย่างไร เป็นไปตามที่ ภท.มีแถลงการณ์ไปแล้วคือต้องไม่แตะต้อง ไม่แก้ไขมาตรา 112 ไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ ส่วนเรื่องของพรรคอื่น เราไปยุ่งหรือไปก้าวล่วงอะไรไม่ได้ ภท.มีกรอบอยู่แค่นี้ ถ้าเขายังอยู่ในกรอบก็ต้องเป็นเรื่องของพรรคใครพรรคมัน

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่คลิปที่นายเศรษฐา เคยระบุตอนหาเสียงว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ออกมาเช่นกัน นายอนุทิน กล่าวว่า คงต้องฟังนายเศรษฐาและ พท.ชี้แจง สิ่งนี้ตนไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวไปจี้ไปไชอะไรมากนัก เพราะเวลาหาเสียง บางทีการพูดอะไรก็เป็นไปตามสถานการณ์ในห้วงเวลานั้นๆ 

 

เมื่อถามว่า ภท.มีเงื่อนไขหรือไม่ว่า ก่อนจะตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับใคร แคนดิเดตนายกฯของพรรคนั้นๆจะต้องมีหลักประกันว่าได้เสียงถึง 375 เสียง นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นหลักประกันไม่ได้ ใครจะมาประกันได้ ทุกคนต้องช่วยๆ กัน ภท.มีเงื่อนไขหลักตามที่แถลงการณ์ของพรรคไปแล้ว

 

เมื่อถามว่า หากการร่วมรัฐบาลกับ พท. โดยไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ทาง ภท.ยอมรับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ข้อจำกัดมีแค่ในแถลงการณ์ของ ภท. เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเราจะต้องไม่ไปก้าวก่ายพรรคแกนนำ 

 

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าไม่มีสัญญาใจกับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ว่า ถ้าจะไปไหน ต้องไปด้วยกัน นายอนุทินกล่าวว่า การแพ็กกับขั้วเดิมตอนนี้มันเป็นเสียงข้างน้อย ซึ่ง ภท.บอกแล้วว่าเราไม่จัดรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพราะอยากให้รัฐบาลมีความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่มีความมั่นคงคือ รัฐบาลเสียงข้างมาก 

 

เมื่อถามอีกว่า ถ้าจะไปคือ ไปทั้ง 3 พรรค ทั้ง ภท. รทสช. และ พปชร. ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างนั้นคงไม่ได้ แต่ละพรรคต้องมีแนวทางของตัวเอง จูงมือกันไปก็คงไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นว่าพรรคใหญ่ๆ มีใครเขาทำกัน 

 

เมื่อถามว่า แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า ถ้าไม่มี รทสช. และพปชร. ก็จะฝ่าด่าน สว.ได้ยาก นายอนุทิน กล่าวว่าเป็นสิทธิของพรรคที่เป็นแกนนำที่จะต้องไปเคลียร์ และไปทำความเข้าใจ ซึ่ง สว.บอกมาเหมือนกันว่าคราวที่แล้วที่ สว.ไม่สามารถโหวตให้ได้เพราะอะไร รวมถึงเหตุผลที่เป็นกังวลของ สว.ได้ถูกแก้ไขแล้ว ดังนั้นก็ต้องเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ ภท.เป็นพรรคอันดับ 3 หากเกิดปัญหาขึ้นจริง พร้อมหรือไม่ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวปนหัวเราะว่า อย่าให้มีปัญหาดีกว่า เราเป็นพรรคอันดับ 3 ถ้าเราสนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็วได้โดยไม่ขัดกับแนวทางหรือนโยบายของ ภท. เราก็พร้อมให้การสนับสนุน เพราะประเทศต้องมีรัฐบาล