วันที่ 2 ส.ค.2566 เมื่อเวลา 16.05 น. ที่อาคารไทยซัมมิท นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคกัาวไกล กล่าวภายหลังการประชุมสส.ของพรรคก้าวไกล และภายหลังที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกล ว่า ตนขอแถลงเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้ 1.พรรคก้าวไกลต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่เราไม่สามารถผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาล ที่เคารพเจตจำนงของพี่น้องประชาชนผ่านการเลือกตั้งได้สำเร็จ ดังที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงไปแล้วเมื่อตอนบ่าย ว่าหลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะแยกจากพรรคก้าวไกลไปจัดตั้งรัฐบาลด้วยตนเอง ในการพูดคุยระหว่างตัวแทนของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเมื่อเช้านี้ พรรคเพื่อไทยได้แจ้งว่า ต้องการที่จะขอออกจากเอ็มโอยูที่เราได้ทำร่วมกันทั้ง 2 ฉบับ คือ เอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง 8 พรรคการเมือง และ เอ็มโอยูที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้ทำร่วมกัน ระหว่างที่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเลือกประธานสภาฯ
2.ในการพูดคุยกันพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอยการเสนอการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีการเจรจากันในเรื่องนี้ โดยพรรคเพื่อไทยได้ให้เหตุผลว่า พรรคการเมืองเกือบทั้งหมดที่พรรคเพื่อไทยได้ไปพูดคุยมาไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ก็ตาม
3.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค และในการพูดคุยกันเมื่อเช้านี้ แกนนำของพรรคเพื่อไทยบางคนได้แสดงความกังวลใจ ว่าหากพรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อาจทำให้สว. ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย เพราะกังวลว่า หากเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น พรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลอีก
นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้ายว่า สุดท้ายพรรคก้าวไกลอยากจะเรียนพี่น้องประชาชนว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหนหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะผู้แทนราษฏร อย่างเต็มที่ และดีที่สุด ตามที่เราได้รับความไว้วางใจจากการเลือกตั้ง เพื่อผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนทุกคน ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่เท่าทันโลก และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตอย่างเสมอภาคเท่าเทียม
“เราจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการกระจายอำนาจ การปฎิรูประบบราชการ การสร้างรัฐที่โปร่งใส เป็นธรรม เคารพสิทธิ เสรีภาพของพี่น้องประชาชน และสร้างระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นระบบที่เสียงและอำนาจของพี่น้องประชาชนมีความหมายจริงๆ ให้ได้สักวันหนึ่ง” นายชัยธวัช กล่าว